เกษตรแสงสัมพันธ์

ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2562

>ถ้าแค่อยากฝัน ก็วาดไว้ในอากาศ ถ้าอยากให้มันเป็นจริง จงเขียนไว้ในกระดาษ

Goal Setting is S.M.A.R.T. Business


ถ้าแค่อยากฝัน

ก็วาดไว้ในอากาศ

ถ้าอยากให้มันเป็นจริง

จงเขียนไว้ในกระดาษ


สวัสดีสำหรับเดือนแห่งการตั้งเป้าหมายคะ ไม่รู้ว่าเบื่อกันรึเปล่า เดือนนี้เอเน้นย้ำเรื่องการตั้งเป้าหมายเป็นพิเศษ เพราะ 2 หัวใจหลักในการประสบความสำเร็จบน ebay ได้นั้น ประกอบไปด้วย

1.Goal Setting 
2.Data Mining

หากเราไม่มีเข็มทิศในการนำทางแล้ว เราจะประสบความสำเร็จได้ยังงัยคะ
หลักการนี้เราสามารถนำไปใช้ในงานของเรา ชีวิตประจำวันได้เลยคะ

Goal Setting is S.M.A.R.T. Business
เป้าหมายที่ "สามารถ" ทำอย่างไรเราจึงจะเปลี่ยนฝันกลางวัน ให้เป็นเป้าหมายที่จับต้องได้?


S  หมายถึง Specific -- เฉพาะเจาะจง
M หมายถึง Measurable -- วัดค่าได้ หรือวัดผลได้
A  หมายถึง Attainable -- เป็นไปได้ 
R  หมายถึง Relevant -- เกี่ยวข้องกับเรา
T  หมายถึง Time-Bound -- มีเวลาจำกัดไว้

การตั้งเป้าหมายของเรานั้นจะมีตัวกรองทั้ง 5 เรื่องนี้ให้ครอบคลุมคะ เพื่อจะให้เป้าหมายที่เราวางไว้นั้นสำเร็จ เพื่อนๆ ได้อ่าน บทความของเอ ทั้ง 2 บท ก่อนหน้านี้แล้วนะคะ
Goal Setting = SUCCESS
Goal Setting on ebay

ทั้งสองบท คือ ตัวอย่างของเอในการตั้งเป้าหมาย เพื่อนๆ จะเห็นถึงพัฒนาการของการตั้งเป้าหมายของเอตั้งแต่ ป.2 จนถึงปัจจุบันนี้ ที่มาทำ ebay แล้วประสบความสำเร็จ เออยากให้เพื่อนๆ ลองตั้งเป้าหมายดูนะคะ ไม่ต้องเหมือนเอ ถามหัวใจตัวเองว่าเราอยากเป็นอย่างไร ชีวิตของเรา ครอบครัวของเรา อยากมีรายได้เท่าไหร่ อยากมีความสุข มีชีวิตแบบไหน ชีวิตของเรา...เราออกแบบได้เลยคะ แล้วเขียนมันลงไปในกระดาษ แปะไว้ที่หัวนอน นึกถึงเป้าหมายของเราไว้คะ ลงมือทำทันที! ทุกครั้งที่ท้อถอย หรือ หมดกำลังใจ ก็นึกถึงเป้าหมายไว้คะ ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเองนะคะ ฝึกจนเป็นนิสัย ที่แน่ๆ อย่าลืมพูดประโยคนี้เสริมด้วยนะ จะช่วยให้เรามีพลังที่เข้มแข็งขึ้นคะ

ฉันเป็นคนสำคัญ ฉันมีพลัง
ฉันคิดดี พูดดี ทำดี อารมณ์ดี
ฉันเป็นคนดี คนเก่ง คนสำเร็จ และคนร่ำรวย
ฉันกล้าฝัน กล้าคิด กล้าทำ มุ่งสู่ความสำเร็จ
ฉันมีจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้คน

เพื่อนๆ ที่ลองตั้งเป้าหมายแล้ว และอยากสำเร็จมากขึ้น ลองซื้อหนังสือ ฉันเปลี่ยนเพราะเขียนเป้า
ของ คุณ Boy's Thought หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ตั้งเป้าหมาย ด้วยวิธีการที่ทำได้จริง!!
พร้อมสมุด workbook ที่ลงมือเขียนเป้าหมายได้ทันที...

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2562

>เว็บไซต์ eBay ในภูมิภาคต่างๆ

เว็บไซต์ eBay ในภูมิภาคต่างๆeBay คือ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซข้ามชาติ โดยมีบริษัทแม่ตั้งอยู่ในเมือง ซาน โฮเซ่ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ บริษัทให้บริการที่เรียกว่า B2C (business to consumer) หรือธุรกิจกับผู้บริโภคและ C2C (consumer-to-consumer) หรือผู้บริโภคกับลูกค้า บริษัทยังให้บริการเว็บไซต์ท้องถิ่นในประเทศต่างๆเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่งบริการธุรกิจ ต่อไปนี้เป็นรายการเว็บไซต์อีเบย์ในภูมิภาคต่างๆซึ่งได้เรียงตามลำดับอักษรเพื่อสามารถอ่านได้ง่าย



ชื่อเว็บไซต์ประมูลภาษาเว็บไซต์
eBay อาร์เจนตินาสเปน www.mercadolibre.com.ar
eBay ออสเตรเลียอังกฤษ www.ebay.au
eBay ออสเตรียเยอรมัน www.ebay.at
eBay เบลเยี่ยมดัตช์และฝรั่งเศส www.ebay.be
eBay บราซิลโปรตุเกส www.mercadolivre.com.br
eBay แคนาดาอังกฤษและฝรั่งเศส www.ebay.ca
eBay จีนจีน www.ebay.cn
eBay ฝรั่งเศสฝรั่งเศส www.ebay.fr
eBay เยอรมนีเยอรมัน www.ebay.de
eBay ฮ่องกงจีน www.ebay.com.hk
eBay อินเดียอังกฤษ www.ebay.in
eBay ไอร์แลนด์อังกฤษ www.ebay.ie
eBay อิตาลีอิตาเลียน www.ebay.it
eBay ญี่ปุ่นญี่ปุ่น www.sekaimon.com
eBay เกาหลีเกาหลี www.ebay.co.kr
eBay มาเลเซียอังกฤษ www.ebay.com.my
eBay เม็กซิโกสเปน www.mercadolibre.com.mx
eBay เนเธอร์แลนด์ดัตช์ www.ebay.nl
eBay ฟิลิปปินส์อังกฤษ www.ebay.ph
eBay โปแลนด์โปลิช www.ebay.pl
eBay สิงคโปร์อังกฤษ www.ebay.com.sg
eBay สเปนสเปน www.ebay.es
eBay สวีเดนสวีดิช www.tradera.com
eBay สวิตเซอร์แลนด์เยอรมัน www.ebay.ch
eBay ไต้หวันจีน www.ebay.com.tw
eBay ไทยไทย www.ebay.co.th
eBay ตุรกีตุรกี www.gittigidiyor.com
eBay สหราชอาณาจักรอังกฤษ www.ebay.co.uk
eBay สหรัฐอเมริกาอังกฤษ www.ebay.com
eBay เวียดนามเวียดนาม www.ebay.vn


ขณะนี้มีเว็บไซต์ eBay ท้องถิ่นให้บริการซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ค้าและการทำธุรกรรมในประเทศต่างๆที่มี eBay โดยบริษัทสามารถเลือกที่จะเพิ่มหรือนำโดเมนเว็บไซต์ออกจากประเทศนั้นๆได้ โดยขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการให้บริการเว็บไซต์ ดั้งนั้น รายการที่แจ้งให้ทราบข้างต้นนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรก็ตาม ข้อดีของบริษัทนี้คือ จะทำการประกาศการดำเนินการต่างๆล่วงหน้าเพื่อให้ทุกคนได้เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
บทความนี้สามารถอ่านได้ในภาษาต่างๆ อาทิ

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

>สาวธรรมศาสตร์ ใจรักเกษตร ปลูก “มะนาวไร้เมล็ด” ส่งแม็คโคร ผลดก ด้วยสูตรปุ๋ยทำเอง!

สาวธรรมศาสตร์ ใจรักเกษตร ปลูก “มะนาวไร้เมล็ด” ส่งแม็คโคร ผลดก ด้วยสูตรปุ๋ยทำเอง!

ช่องทางจำหน่ายมะนาว หญิงสาวเลือกไปติดต่อเข้าห้างสรรพสินค้า สาขาพิษณุโลก และสาขาเชียงใหม่ ส่งสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ 400 – 500 กิโลกรัม (1 เดือน ส่งมะนาวเข้าห้าง 4 ครั้ง) ถ้าช่วงเทศกาล หรือวันหยุดยาวออเดอร์จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว
รัตติกานต์ เกตุแก้ว หรือ ตั๊ก อดีตสาวแบงค์ จบ ม.ธรรมศาสตร์ วัย 25 ปี แต่ใจรักเกษตร โบกมือลามนุษย์เงินเดือน ขอผันตัวไปเป็นชาวสวนปลูกมะนาวไร้เมล็ดและทำปุ๋ยใช้เองที่บ้านเกิดจังหวัดพิษณุโลก ส่งผลผลิตมะนาวลูกใหญ่ๆ ขายห้างแม็คโคร และตลาดสด กำเงินแสนทุกเดือน ชีวิตแฮปปี้ อนาคตเตรียมขยายพื้นที่ปลูกเพื่อเพิ่มรายได้
ตั๊ก เผยว่า หลังจากเรียนจบปริญญาตรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ไปทำงานธนาคารแห่งหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างทำงานจะนำมะนาวไร้เมล็ดที่ปลูกเองมาขายเพื่อหารายได้พิเศษ และจากการขายไม้ผลรสเปรี้ยวจัดชนิดนี้ ทำให้รู้ตัวเองว่าแท้จริงแล้วใจรักเกษตรมากกว่าทำงานประจำ หนที่สุดเลือกที่จะลาออก แล้วกลับบ้านไปปลูกมะนาวขายเป็นเรื่องเป็นราว
สำหรับพื้นที่ปลูกมะนาวที่ตั๊กพูดถึงอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นที่ดินของครอบครัว ราว 50 ไร่ เลี้ยงหมู ปลูกกล้วย และปลูกมะนาวไร้เมล็ดพันธุ์ตาฮิติ ปลอดสารเคมี สาเหตุที่เลือกพันธุนี้ ตั๊ก บอกว่า ทนทานต่อโรค เฉลี่ยต่อไร่ ปลูกมะนาวได้ 90 ต้น ลงทุนไร่ละ 5,000 บาท ทำปุ๋ยใส่เอง ใช้นำขี้หมูรด ผลดกเป็นที่น่าพอใจ

“ตั๊กปลูกมะนาวไร้เมล็ด 10 ไร่ เฉลี่ยต่อไร่ปลูกมะนาวได้ 90 ต้น วิธีการปลูก ซื้อกิ่งพันธุ์มาชำลงดินเว้นระยะห่าง 4×4 เมตร ปลูกในดินทรายปนดินร่วน ใช้น้ำจากบ่อขี้หมูมารดวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น ทำปุ๋ยเอง ราว 8 เดือน ก็สามารถเก็บมะนาวขายได้แล้ว”

สำหรับปุ๋ยที่หญิงสาวทำเอง เธอเผยว่า คือ “ฮอร์โมนจานด่วน” สุดยอดสารอาหารของต้นมะนาว ซึ่งมีด้วยกัน 3 สูตร สูตรที่ 1 ประกอบด้วย นมสด กากน้ำตาล หมัก 7วัน สูตรที่ 2 มี หน่อกล้วยสับ กากน้ำตาลหมัก 7 วัน สูตรที่ 3 มีไข่ไก่ดิบ น้ำมันมะพร้าว ลูกแป้งข้าวหมาก กะปิ เครื่องดื่มชูกำลัง M150 หมัก 14 วัน

นำทั้ง 3 สูตรนี้มาปั่นรวมกัน เพื่อให้กลายเป็น “ฮอร์โมนจานด่วน” ฉีดต้นมะนาวสัปดาห์ละครั้ง ตั้งแต่แรกปลูกเพื่อกระตุ้นให้มะนาวออกดอก หลังจากนั้นทุกๆ 15 วัน ค่อยฉีดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่ามะนาวจะออกผล
คุณตั๊ก บอกว่า ต้นมะนาวยิ่งแก่ ลูกยิ่งดก ปัจจุบันเธอปลูกมาแล้ว 5 ปี มะนาว 1 ต้น ให้ผลผลิตต้นละ 600 ลูก ซึ่งปัจจุบันปลูกมะนาว 10 ไร่ เฉลี่ยต่อไร่ปลูกมะนาวได้ 90 ต้น มีมะนาว 900 ต้น (10ไร่ x 90ต้น) 900 ต้น เก็บผลผลิตส่งขายทุกวัน
ด้านช่องทางจำหน่ายมะนาว หญิงสาวเลือกไปติดต่อเข้าห้างสรรพสินค้าสาขาพิษณุโลก และสาขาเชียงใหม่ ส่งสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ 400 – 500 กิโลกรัม (1 เดือน ส่งมะนาวเข้าห้าง 4 ครั้ง) ถ้าช่วงเทศกาล หรือวันหยุดยาวออเดอร์จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว
ในส่วนของราคาที่ส่ง เจ้าของสวน เผยว่า ขึ้นลงลงตามช่วงฤดูกาล ยกตัวอย่าง ช่วงหน้าแล้ง เดือนเมษายน ราคากิโลกรัมละ 80 บาท ช่วงหน้าฝน มิถุนายน กิโลกรัมละ 50 บาท ฤดูหน้าหนาว กิโลกรัมละ 60 บาท หากเป็นช่วงเทศกาลจะส่งสัปดาห์ละ 800 – 1,000 กิโลกรัม
สเปกมะนาวที่ส่งห้างแม็คโคร เป็นมะนาวไร้เมล็ด เฉลี่ย 10 ลูก 1 กิโลกรัม หญิงสาว เผยว่า ส่งมาได้ 2 ปีแล้ว รายได้เฉลี่ยเดือนละแสน (ยังไม่หักรายจ่าย) นอกจากนั้นยังส่งขายตลาดสดทั่วไป วันละ 400 – 500 ลูก ราคาลูกละ 3-4บาท มีรายได้เฉลี่ยทุกวัน วันละ 2,000 บาท อีกด้วย
ในอนาคต หญิงสาวคนขยัน บอกต่อว่า อยากขยายพื้นที่ปลูกมะนาวเพิ่มจาก 10 ไร่ เป็น 14 ไร่ วัตถุประสงค์เพื่อรองรับความต้องการของตลาด รวมถึงเพิ่มรายได้ด้วย
สนใจติดต่อ ทางคุณตั๊กมีจำหน่ายกิ่งพันธุ์มะนาวด้วย 098-2858996 Line id : tuckkie88
ที่มา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_107983

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

>ปลูกหอมแบ่งขาย โกยรายได้เดือนละกว่า 6 หมื่นบาท



News

ปลูกหอมแบ่งขาย โกยรายได้เดือนละกว่า 6 หมื่นบาท

เกษตรกรปลูกหอมแบ่งขาย โกยรายได้เดือนละกว่า 6 หมื่นบาท ต้นทุนการผลิตสูง ปัจจุบันชาวนาไทยมีค่าใช้จ่ายในการทำนาสูงมาก ได้แก่ ค่าเช่านา ชาวนาไทยถึงแม้จะขาดทุนทุกฤดูก็ยังคงทำนาอยู่เพราะไม่รู้จะไปทำอะไร จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของเกษตรกรชาว จ.กาฬสินธุ์ ช่วงเตรียมพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังและพืชฤดูแล้ง
พบว่ามีเกษตรกรชาวบ้านเหล่า หมู่ 5 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ รายหนึ่ง ได้แบ่งพื้นที่ที่เคยทำนาปรังเป็นแปลงเพาะปลูกหอมแบ่งจำหน่ายตามตลาดนัดชุมชน เผยปลูกง่าย รายได้ดีเดือนละกว่า 6 หมื่นบาท
นางหนูน้อย ภูชาบุตร อายุ 52 ปี ชาวบ้าน กล่าวว่า มีพื้นที่นา 5 ไร่ อยู่ในเขตใช้น้ำชลประทานลำปาว ทุกปีผ่านมาเมื่อถึงฤดูแล้ง จะแบ่งพื้นที่นาออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนหนึ่งปลูกข้าวนาปรัง อีกส่วนหนึ่งจะปลูกพืชประจำฤดูที่อายุสั้น ใช้น้ำน้อย เช่น พืชตระกูลแตง ข้าวโพด ผักสวนครัวต่างๆ จำหน่ายตามตลาดนัดชุมชน แต่ในฤดูแล้งปีนี้ ได้ล้มเลิกการปลูกพืชทุกชนิด เนื่องจากได้ค้นพบสูตรการปลูกหอมแบ่ง ที่เป็นทางเลือกใหม่ ได้เงินดี เพื่อที่จะมีเวลามาทุ่มเทกับการดูแลแปลงหอมแบ่งอย่างเต็มที่
นางหนูน้อยกล่าวอีกว่า แปลงเพาะปลูกหอมแบ่งของตนใช้แรงงานเพียง 2 คนคือตนกับสามี เดิมจะปลูกหอมแบ่งในแปลงดิน ซึ่งดูแลยาก ต้องหมั่นรดน้ำเช้าเย็น กำจัดวัชพืช ใส่ปุ๋ยบำรุง และจะเพาะปลูกได้ผลดีในระยะสั้นๆ คือในฤดูหนาวเท่านั้น
ขณะที่ความต้องการของตลาดมีตลอดปี จึงเกิดไอเดียใหม่ว่า น่าจะทดลองปลูกในกระถางหรือถุงดำบ้าง เพื่อง่ายต่อการดูแล และยังสามารถหยิบยกเคลื่อนย้ายไปจำหน่ายได้ในสภาพที่ยังสดใหม่ หรือหากขายไม่หมด ก็ไม่เฉี่ยวเฉา ยังนำไปในวันต่อไปได้อีกโดยไม่เสียหาย
“ตอนแรกเริ่มจากถอนเหง้าหอมแบ่งจากแปลงที่เพาะในดินมาแบ่งปลูกในถุงดำถุงละ 1 ต้น ซึ่งใช้ดินร่วนผสมปุ๋ยคอก แต่เก็บความชื้นไม่ดีนัก หอมเติบโตช้า จึงใช้วิธีใหม่ ลงทุน 3,000 บาท ซื้อถุงดำ กากมันสำปะหลัง แกลบดำ นำมาผสมดินร่วนแล้วบรรจุถุง
ปรากฏว่าเก็บความชุ่มชื้นได้ดี และหอมเติบโตเร็ว 15 วันสามารถแบ่งเหง้าออกปลูกกระถางต่อไปได้ อายุ 45 วันนำไปจำหน่าย คือเริ่มต้นเพียงเหง้าเดียว แต่ทุกๆ 15 วันสามารถจัดแบ่งหรือขยายออกเป็นเหง้าละ 3 ถุง จำหน่ายถุงละ 10 บาท ขนย้ายขึ้นไปขายตามตลาดนัดชุมชนเช้าเย็น รายได้เฉลี่ยวันละ 1,500 – 2,000 บาท หรือเดือนละประมาณ 6 หมื่นบาท
ซึ่งดีกว่าปลูกข้าวที่ต้นทุนสูง ราคาไม่แน่นอนและขาดทุน จึงตั้งเป้าจะขยายพื้นที่เพราะปลูกหอมแบ่งให้มากขึ้นอีก เพราะทำง่าย รายได้ดีมากๆ ช่วงนี้มีในแปลงประมาณ 1,000 ถุง ซึ่งสามารถแบ่งขยายพันธุ์ได้เรื่อยๆ” นางหนูน้อยกล่าว
นางหนูน้อยกล่าวเพิ่มเติมว่า โดยทั่วไปการจำหน่ายหอมแบ่ง จะถอนทั้งหัวและใบรวมกันมัดละ 10 บาท ซึ่งแต่ละมัดจะต้องใช้หอมแบ่งจำนวนมากไม่น้อยกวา 10 เหง้า แต่จากการค้นพบวิธีเพาะปลูกหอมแบ่งในถุง จะช่วยลดจำนวนหอมแบ่งและสร้างมูลค่าเพิ่มอีกด้วย
ลูกค้าที่รับซื้อไปยังสามารถนำไปแบ่งปลูก เก็บกินในครัวเรือนได้อีกนาน หรือจะขยายพันธุ์ต่อก็ได้ การจัดหอมแบ่งปลูกในถุงดำ นอกจากจะดูแลง่ายแล้ว ยังสร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็นอย่างดี เป็นการปลูกหอมแบ่งทางเลือกใหม่ ที่พบแล้วว่าอนาคตจะไปได้ดี และเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วไป
นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปจัดเป็นสวนหย่อม บริเวณหน้าบ้าน รั้วบ้าน ให้สวยงาม โดยเฉพาะเด็ดใบเก็บไว้ประกอบอาหารกินนานๆ แบบว่าซื้อครั้งเดียวถุงเดียว 10 บาท สามารถเก็บกินตลอดปี หรือจะแบ่งถุงขยายพันธุ์แจกเพื่อนบ้าน เป็นของขวัญฝากญาติมิตรช่วงปีใหม่ก็ได้
สนับสนุนเนื้อหาโดย : มติชนออนไลน์
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://blog.bkndigital.com/planting-fragrant-sales.html

>ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน คนมีที่ดินต้องรู้ไว้



ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน คนมีที่ดินต้องรู้ไว้


หากคุณเป็นเจ้าของที่ดินจะต้องมีความรู้และทราบข้อเหล่านี้ ที่ดินที่ครอบครองอยู่มีหลักฐานอะไร ให้นำหลักฐานที่มีไปประกอบการยื่นคำขอ รังวัดที่ดิน
ก่อนจะทำจัดการทำเรื่องก็อย่าเตรียมเอกสารต่าง ๆ ไปให้พร้อม
หลักฐานประกอบการขอรังวัด แบ่งแยก หรือสอบเขตโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
บัตรประจำตัว ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัวชื่อสกุล (ถ้ามี)
โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
หลักฐานประกอบการขอรังวัดรวมโฉนดที่ดิน
บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล (ถ้ามี)
โฉนดที่ดินที่จะขอรวม ต้องมีลักษณะดังนี้
(1) ต้องเป็นหนังสือสำคัญแสดง ก ร ร ม สิ ท ธิ์ ประเภทเดียวกัน เว้นแต่ โฉนดแผนที่ กับโฉนดที่ดินให้รวมกันได้
​(2) ต้องมีชื่อผู้ถือ ก ร ร ม สิ ท ธิ์ ที่ดินในโฉนดที่ดินเหมือนกันทุกฉบับและต้องยังมีชีวิตอยู่ทุกคน
​(3) ต้องเป็นที่ดินติดต่อผืนเดียวกัน ในจังหวัดและสำนักงานที่ดินเดียวกัน
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน ขั้นตอนการรังวัด แบ่งแยก รวม สอบเขตที่ดิน
1 รับบัตรคิวจากประชาสัมพันธ์
2 รับคำขอสอบสวน ชำระเงิน ค่ า ธ ร ร ม เ นี ย ม คำขอ
3 ส่งฝ่ายรังวัดดำเนินการ นัดวันทำการรังวัด กำหนดตัวช่างรังวัด กำหนดเงินมัดจำรังวัด
4 ค้นหารายชื่อเจ้าของที่ดินข้างเคียง และพิมพ์หนังสือแจ้งข้างเคียง
5 รับหนังสือแจ้งข้างเคียง วางเงินมัดจำรังวัด รับหลักเขตที่ดิน
6 ช่างรังวัดออกไปทำการรังวัดตามวันที่กำหนดไว้
7 คำนวณเนื้อที่ และเขียนรูปแผนที่ในโฉนดที่ดิน
8 ส่งเรื่องรังวัดคืนฝ่ายทะเบียน เรียกผู้ขอมาจดทะเบียน
9 สอบสวนจดทะเบียนแบ่งแยก
10 ตรวจอายัด
11 ชำระเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน และค่าโฉนด
12 แก้รายการทะเบียน และจดทะเบียนแบ่งแยก
13 สร้างโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยก
14 เสนอเจ้าพนักงานที่ดินลงนามและประทับตรา
15 แจกโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยก
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน ขั้นตอนการขอแบ่งแยกตรวจสอบเนื้อที่ และรวมหนังสือรับรองการทำประโยชน์
1 เจ้าของที่ดินนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเอกสารต่าง ๆ ไปยื่นคำขอ
2 ให้ถ้อยคำในการนัดรังวัด เพื่อกำหนดวันทำการรังวัด
กำหนดค่าใช้จ่ายในการรังวัด กำหนดเจ้าหน้าที่และสถานที่นัดพบ
3 รับเจ้าหน้าที่ไปทำการรังวัดและปักหลัก จนเสร็จการ
4 ลงนามในเอกสารต่าง ๆ
5 รอรับหนังสือแจ้งให้ไปดำเนินการจดทะเบียน ฯลฯ
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรังวัดหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และโฉนดที่ดิน รายละเอียด
1 ค่าธรรมเนียมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์
ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ 30 บาท
ที่ดินเนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกิน( เศษของไร่ให้คิดเป็นหนึ่งไร่) ไร่ละ 2 บาท
2 ค่าธรรมเนียมการพิสูจน์สอบสวนหรือตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
ถ้าเรียกเป็นรายแปลง แปลงละ 30 บาท
ถ้าเรียกเป็นรายวัน วันละ 30 บาท
ค่าคัดหรือจำลองแผนที่ แปลงละ 30 บาท
ค่าคำนวณเนื้อที่หรือสอบแส แปลงละ 30 บาท
ค่าจับระยะ แปลงละ 10 บาท
3 ค่าธรรมเนียมออกโฉนดที่ดิน
ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ 50 บาท ที่ดินเนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกิน( เศษของไร่ให้คิดเป็นหนึ่งไร่ ) ไร่ละ 2 บาท
4 ค่าธรรมเนียมรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน
ถ้าเรียกเป็นรายแปลง แปลงละ 40 บาท
ถ้าเรียกเป็นรายวัน วันละ 40 บาท
ค่าคัดหรือจำลองแผนที่ แปลงละ 30 บาท
ค่าคำนวณเนื้อที่หรือสอบแส แปลงละ 30 บาท
ค่าจับระยะ แปลงละ 10 บาท
5 ค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ด
ค่าคำขอ แปลงละ 5 บาท
ค่ามอบอำนาจ เรื่องละ 20 บาท
ค่าปิดประกาศให้แก่ผู้ปิดประกาศ แปลงละ 10 บาท
ค่าพยานให้แก่พยาน คนละ 10 บาท
ค่าหลักเขต หลักละ 15 บาท
6 ค่าใช้จ่ายการรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดินหรือพิสูจน์สอบสวน หรือตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
ค่าพาหนะเดินทางให้แก่เจ้าพนักงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ และคนงานจ้างไปทำการรังวัด ให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทยด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
ค่าเบี้ยเลี้ยงให้แก่เจ้าพนักงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ และค่าจ้างคนงานที่จ้างไปทำการรังวัด ให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย ด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
ค่าป่ายการให้แก่เจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่ หรือผู้แทนที่ไปในการรังวัด ไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการรังวัดให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง เรื่องละ 100 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมที่ดิน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://blog.bkndigital.com/people-have-land.html

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

>เรียนจบปริญญาตรี 4 ใบ ทิ้งเงินเดือนเกือบแสน มาทำเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่ 3.5 ไร่ แต่มีรายได้เลี้ยงครอบครัวสบายๆ

เรียนจบปริญญาตรี 4 ใบ ทิ้งเงินเดือนเกือบแสน มาทำเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่ 3.5 ไร่ แต่มีรายได้เลี้ยงครอบครัวสบายๆ


“ผมเรียนจบปริญญาตรีมา 4 ใบ ปริญญาโทด้านการบริหารอีก 1 ใบ”

“ตำแหน่งสุดท้ายก่อนตัดสินใจมาเป็นเกษตรกรที่ยึดแนวทางการดำเนินชีวิตแบบพอเพียงที่เน้นการทำเกษตรอินทรีย์เป็นหลัก ผมทำหน้าที่เป็นผู้จัดการสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส กินเงินเดือนประมาณครึ่งแสน นอกจากนี้ ยังมีงานเสริมนอกอีกรวมๆ แล้วเป็นแสนบาท”

“แต่ที่เลือกมาเดินบนเส้นทางสายนี้ เพราะผมตระหนักแล้วว่า เรื่องเงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่สุขภาพของเราสำคัญและต้องมาก่อน ใจผมนั้นสนใจเรื่องการเกษตรมานาน จึงใช้เวลาว่างศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในข้อมูลที่ได้รับรู้ คือ การใช้สารเคมีต่างๆ ในพืชผัก ซึ่งพบว่ามีการตกค้างและส่งผลต่อสุขภาพของผู้คนในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะคนเมือง อยู่ในเมืองนั้นมีความสะดวกสบาย มีงาน มีเงิน แต่หากเรายังต้องซื้อต้องทานพืชผักที่มีการตกค้างของสารเคมี เงินที่ได้มาจากการทำงานหนักนั้นมากกว่าครึ่งต้องเตรียมไว้เพื่อรักษาโรคภัยต่างๆ ที่จะตามมา เพราะฉะนั้นเรากลับมาปลูกกินเองและไม่มีโรครบกวนจะดีกว่าไหม ผมจึงเลือกที่จะทำสวนเกษตรแบบพอเพียงเช่นทุกวันนี้”




© ยาซีน บุญมาเลิศ

ยาซีน บุญมาเลิศ

เกษตรกรเจ้าของสวนฮาวา ออกานิคฟาร์ม ตั้งอยู่ เลขที่ 245 หมู่ที่ 2 ตำบลลำพญากลาง อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี โทร. (061) 651-4495, (082) 862-6243 บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้น

“มาเริ่มต้นไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน เอาแค่ปรับพื้นที่ผมต้องใช้เวลาและความทุ่มเทไม่น้อย เพราะเดิมพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำกันมานาน ดินเสื่อมสภาพ ขาดความสมบูรณ์ ผมต้องมาปรับปรุงดินด้วยการใช้องค์ความรู้และคำแนะนำจากปราชญ์ชาวบ้านมาแก้ไข”


“เดิมนั้นหน้าแล้งดินจะแข็งมาก เอาจอบฟันไม่ลงเลย พอหน้าฝน ดินเปียกน้ำแล้วจะเหนียวมาก เลยต้องมีการปรับสภาพดินก่อน ผมเอาแกลบดิบ ปุ๋ยคอก และหินฝุ่น ใส่แล้วไถคลุกเคล้าให้เข้ากัน พอมาถึงวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยน ผมขุดดินไปถึงกับสะดุ้งเพราะเจอไส้เดือนตัวเท่านิ้วโป้ง นึกว่างู ซึ่งการมีไส้เดือนแสดงให้เห็นว่า ดินของเรากลับมาดีมาสมบูรณ์เหมือนเดิม” คุณยาซีน กล่าว

วันนี้ ฮาวา ออกานิคฟาร์ม ได้เดินหน้าไปตามเป้าหมายของชายผู้นี้และครอบครัว ในการสร้างฝันบนเส้นทางเกษตรอินทรีย์ พร้อมๆ กับการสร้างสวนให้เป็นศูนย์กลางของทุกคนที่รักในการทำเกษตร ที่เน้นถึงความปลอดภัยของสุขภาพด้วยกิจกรรมที่หลากหลายบนแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียง



© ฮาวา ออกานิคฟาร์ม

“ผมมาอยู่ที่สวนแบบนี้ บอกได้เลยว่าคนละแบบกับการอยู่ในเมือง ดีกว่าทุกอย่าง อย่างค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันวันนี้มีน้อยมาก เพราะอย่างของกินทุกอย่างเรามีในสวนหมด เพราะผมนั้นใช้หลักว่า ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก จะซื้อเฉพาะของที่จำเป็นที่เราผลิตไม่ได้ และที่สำคัญ สุขภาพกายสุขภาพจิตดีมากแตกต่างกับการใช้ชีวิตในเมืองอย่างสิ้นเชิง” “

อนาคตนั้นผมมองว่า ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการบริโภคพืชผลการเกษตรที่ปลอดสารเคมีนั้นจะเพิ่มขึ้นและมีความต้องการมากอย่างไม่สิ้นสุด เพราะทุกวันนี้คนเราเริ่มเข้าใจแล้วว่าต้องบริโภคพืชผลแบบไหนจึงดีต่อสุขภาพ เท่าที่ผมสัมผัสมาพบว่า มีคนเป็นจำนวนมากอยากซื้อพืชผลการเกษตรที่ปลอดภัย แต่ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหนเท่านั้นเอง ตรงนี้จึงเป็นตลาดที่ทุกคนสร้างเจาะได้” คุณยาซีน กล่าว

โดยพื้นที่ 3.5 ไร่ ของสวนฮาวา ออกานิคฟาร์มในวันนี้มากไปด้วยกิจกรรมการเกษตรที่สามารถสร้างรายได้ และสร้างสุขให้กับชีวิตของครอบครัวบุญมาเลิศ ในรูปแบบของเกษตรปราณีตที่เน้นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“จะเห็นได้ว่าผมมีพื้นที่เพียง 3.5 ไร่ เท่านั้น แต่ทำไมอยู่ได้ เพราะเรามีการจัดการบริหารพื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์ อย่างโคนต้นมะม่วง แทนที่จะปล่อยไว้เฉยๆ ผมก็เอามะเขือเทศ หรือพืชผักอื่นไปปลูก เท่านี้ผมก็มีทั้งมะม่วงและมะเขือเทศกิน ซึ่งการเลือกชนิดของพืชที่มาปลูกร่วมกันให้ถูกต้องตามหลักวิชาการแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าพืชแต่ละชนิดจะแย่งอาหาร แย่งน้ำกัน ทำให้ต้นไม่โต แต่ถ้าเรารู้ถึงหลักการของนิสัยพืช รวมถึงการหากินของรากพืชว่าแต่ละชนิดหากินในชั้นดินระดับไหนแล้วสามารถเลือกชนิดได้อย่างถูกต้องและได้ผลผลิตแน่นอน”



© ทำสวนแบบพอเพียง ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก

“ปลูกพืชผลการเกษตร ไม่ใช่ปลูกแล้วจะปล่อยทิ้งให้ธรรมชาติดูแล เราต้องมีการจัดการ อย่างต้นกล้วย ไม่ได้ง่ายนะครับ ต้องดูแลเหมือนกับการปลูกไม้ผลอื่น อย่างใบกล้วยต้นหนึ่ง ควรเอาใบไว้ไม่เกิน 7 ใบ ถ้าพบว่าต้นกล้วยมีใบเยอะเป็นสิบๆ ใบ แบบนี้ต้องตัดไปให้แพะ แกะ กิน เพราะไม่อย่างงั้นจะเกิดโรคตามมา หรือหน่อกล้วย ห้ามไว้เกิน 3 หน่อ ที่งอกใหม่ต้องขุดออกให้หมด เพราะถ้าเกินกว่าจำนวนนี้ ต้นกล้วยจะแย่งอาหารกัน ทำให้ได้ผลผลิตไม่ดี”

ในพื้นที่ 3.5 ไร่ คุณยาซีนได้จัดสรรพื้นที่อย่างลงตัว ประกอบด้วยกิจกรรมการเลี้ยงแกะ แพะ เพื่อจำหน่าย พื้นที่ 2 งาน ขุดเป็นสระเก็บน้ำเพื่อใช้ทำเกษตรและเลี้ยงปลา จำนวน 2 งาน พื้นที่ที่เหลืออีก 2.5 ไร่ จัดเป็นแปลงเกษตรผสมผสานที่ปลูกพืชหลากหลายชนิด ทั้งไม้ยืนต้นและพืชผักสวนครัว ประกอบด้วย ต้นมะม่วงพันธุ์ดีที่เป็นสายพันธุ์โบราณและกำลังสูญพันธุ์ เช่น การเกด พราหมณ์ขายเมีย ทองดำ ลิ้นงูเห่า ยายกล่ำ เป็นต้น จำนวน 460 ต้น ต้นมะขามป้อม 5 ต้น มะพร้าวแกงและน้ำหอม 57 ต้น กล้วยหอม 55 ต้น กล้วยน้ำว้า 150 ต้น น้อยหน่า 10 ต้น ฝรั่ง 7 ต้น ขนุน 3 ต้น มะนาว 11 ต้น มะกรูด 200 ต้น และผักสวนครัวอีก 1 งาน

นอกเหนือจากการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ละกิจกรรมของสวนฮาวา ออกานิคฟาร์ม ยังก่อให้เกิดการเกื้อกูลแก่กันและกัน และที่สำคัญทุกอย่างสามารถสร้างผลตอบแทนที่เป็นรายได้ในระดับที่สามารถอยู่ได้

“อย่างการเลี้ยงแพะของผม ซึ่งเน้นเลี้ยงแพะกึ่งเน้นกึ่งนม ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักของสวน ตอนนี้มีพันธุ์บอร์ ซาแนน ทอกเกนเบิร์ก และอัลไพน์ เป็นต้น ในการเลี้ยงจะเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของกรมปศุสัตว์ในการใช้เทคโนโลยีเกี่ยวกับการฝากย้ายตัวอ่อนช่วย เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อครอกให้มากขึ้น โดยเฉพาะการทำให้ได้ลูกแฝด”




© ดูแลแพะอย่างใกล้ชิด

“ผมสามารถสร้างรายได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจำหน่ายเป็นสายพันธุ์ จำหน่ายในรูปของแพะขุน รวมถึงการนำน้ำนมแพะมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่างๆ ที่ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว เช่น สบู่ โลชั่น ครีมต่างๆ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้เป็นอย่างมาก มูลของแพะที่ได้ ผมยังนำไปใช้เป็นปุ๋ยคอกให้กับต้นไม้ทุกต้นที่ปลูก” คุณยาซีน กล่าวและว่า

© ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนมแพะ

ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนมแพะ

“แล้วต้นไม้ที่ปลูกทุกอย่างสามารถนำไปใช้ประโยชน์กับการเลี้ยงแพะได้เช่นกัน โดยใบกล้วย ต้นกล้วย กิ่งก้านต้นมะม่วงหรือไม้ผลอื่นที่เราตัดแต่ง หญ้าที่ถอน เศษผักจากแปลง สามารถนำไปให้แพะกินเป็นอาหารได้หมดทุกอย่าง”

“หรือการปลูกมะม่วงพันธุ์ดีที่สวนผมมีหลากหลายพันธุ์มาก แต่หลายคนสงสัยพื้นที่แค่นี้จะสร้างรายได้พอหรือ ผมอยากให้มาดูที่สวนของผม เพราะผมสามารถใช้พื้นที่ 1 งาน ปลูกมะม่วงได้ 300 ต้น ซึ่งเป็นการปลูกที่ไม่เหมือนกับเดิมที หากปลูก 300 ต้น ต้องใช้พื้นที่ถึง 10 กว่าไร่ และต้องมีการจัดการตามมาอีกมากมาย แต่ด้วยวิธีการที่ปลูกแบบนี้ทำให้ได้จำนวนต้นเท่ากันแต่การจัดการน้อยลง”

“ผมปลูกมะม่วงหลุมละ 3 ต้น ทำได้ครับ” คุณยาซีน ยืนยัน

โดยเทคนิคที่สำคัญของการปลูกมะม่วงแบบสวนฮาวา ออกานิคฟาร์ม คือ การจัดการต้นมะม่วง

“วิธีการของผมคือ ผมจะใช้กิ่งเสียบยอดมาปลูกลงในหลุมปลูก จำนวน 3 เส้า โดยหลุมจะมีขนาดกว้าง ลึก ประมาณ 1 ศอก ก้นหลุมรองด้วยแกลบ ปุ๋ยคอก และหินฝุ่น หลังปลูกพอต้นมะม่วงสูงขึ้นมาสักประมาณระดับไหล่ จะเริ่มดัดยอดต้นมะม่วง โดยให้แยกออกจากกันเป็น 3 ทาง หรือมีลักษณะเป็นแฉก ด้วยการใช้ไม้ปักขนาบที่โคนต้น 2 ด้าน หนึ่งจุด และอีกจุดปักห่างออกไปประมาณ 80 เซนติเมตร ผูกด้วยเชือกเพื่อให้ยอดตั้งขึ้น เท่านี้แต่ละต้นกิ่งจะไม่ทับกัน สามารถขึ้นไปในทางที่กำหนดของแต่ละต้น”




© มะม่วงโบราณมะม่วงโบราณ

“แต่ถ้าต้องการไม่ให้ต้นสูงเหมือนกับมะม่วงโบราณที่สูง 10-20 เมตร ให้เตี้ยเป็นพุ่ม ให้ใช้วิธีการเด็ดยอดส่วนที่เรียกว่าเดือยไก่ทิ้ง เพื่อควบคุมยอด พอเด็ดแล้วมะม่วงจะแตกใหม่ออกมา 5 ยอด คราวนี้ก็ตัดยอดออกให้เหลือสัก 3 ยอดพอ ถ้าแตกยอดออกมาแล้วปล่อยระยะจะเห็นว่าเริ่มแตกเดือยไก่ใหม่เราก็เด็ดแบบเดิมอีกครั้ง”

“จากครั้งแรกเด็ดทิ้งไว้ 3 ยอด พอเด็ดครั้งที่สอง จะได้ยอดเพิ่มมาเป็น 9 ยอด และถ้าเด็ดครั้งที่สาม จะได้ยอดเพิ่มมาเป็น 27 ยอด ซึ่งผมมองว่าเป็นจำนวนยอดที่กำลังพอดีกับการดูแล แต่ถ้าเห็นว่ายังพอได้อยู่ก็เด็ดครั้งที่สี่ได้ โดยจะได้ยอดเพิ่มต่อต้นมาเป็น 81 ยอด”

“ถ้าเราหวังผลเพียง 2 ลูก ต่อยอด แต่ละปีจะสามารถเก็บผลมะม่วงได้ประมาณ 162 ผล ต่อต้น อย่าง 1 งาน ของผมมี 300 ต้น คูณกันออกมาแล้วถือว่าสามารถสร้างรายได้ให้อย่างน่าสนใจ และใต้ต้นมะม่วงสามารถปลูกพืชผักอื่นเสริมได้ เพราะมะม่วงเป็นไม้ผลที่หยั่งรากหากินลึก ฉะนั้น การปลูกพืชที่รากตื้นอย่างพืชผักจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของต้นมะม่วง” คุณยาซีน กล่าว



นอกจากนี้ ต้นไม้ทุกต้นที่สวนฮาวา ออกานิคฟาร์มปลูก คุณยาซีน บอกว่า ทุกอย่างใช้ประโยชน์ได้หมด ไม่กินโดยตรงก็ใช้ประโยชน์อื่น เช่น ต้นยี่โถ ต้นสะเดา ต้นไม้เหล่านี้เป็นพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช

“จะต้องฉีดยาป้องกันโรคแมลง ผมก็ใช้จากในสวนมาหมัก มาทำตามกระบวนการ ได้สารธรรมชาติที่มีฤทธิ์ไว้ฉีดป้องกันและรักษาได้ ไม่ต้องเสียเงินซื้อ และปลอดภัยด้วย ต้นไม้ทุกอย่างในสวนผมเด็ดกินได้เลยอย่างสบายใจ”

“ทุกอย่างมีหลัก มีวิธีการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถศึกษาได้ ดังนั้น ผมขอบอกเลยว่า สำหรับผู้ที่กำลังคิด กำลังตัดสินใจ ฮาวา ออกานิคฟาร์มของเราพร้อมเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ให้กับทุกคนที่สนใจ ผมเปิดกว้างให้ทุกคนได้เข้ามาเรียนรู้ในสิ่งที่ผมรู้ ผมทำ ได้อย่างเต็มที่ เพื่อจะได้รู้ว่าชีวิตที่มีความสุขนั้นแท้จริงเป็นอย่างไร” คุณยาซีน กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.msn.com 

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

>สาว อำ น า จ เจริญ อายุแค่ 25 ปี หันมมาทำเกษตรผสมผสาน รายได้หลายทาง ได้อยู่กับคนที่รัก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาชีพทางการเกษตรกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เห็นตามสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยบางรายถึงกับทิ้งเงินเดือนสูงๆ เพื่อกลับมาอยู่บ้านเกิด ได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่รัก ได้อยู่กับครอบครัว แม้บางคนเงินที่ได้รับอาจจะไม่มากเท่าตอนเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ตาม แต่การที่ได้อยู่กับคนที่รัก มันก็มีค่ามหาศาลจนประเมินค่าแทบไม่ได้
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2561 ก็ได้มีการเดินทางไปสัมภาษณ์บุคคลท่านหนึ่ง(อ้างอิงเทคโนโลยีชาวบ้าน)
คุณวัชรีญา มณีรัตน์ อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 6 ตำบลเสนางคนิคม อำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นเกษตรกรที่มีอายุเพียง 25 ปี โดยเธอได้หันหลังให้กับเมืองใหญ่ เพื่อมาทำการเลี้ยงปศุสัตว์ที่ควบคู่ไปกับการทำเกษตรผสมผสาน
คุณวัชรีญา เล่าให้ฟังว่า เมื่อได้เรียนจบการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี จึงได้หางานในบริษัทเอกชนทำได้สักระยะหนึ่ง ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ชอบงานทางด้านนี้ จึงได้ปรึกษากับทางครอบครัวว่าอยากจะกลับมาอยู่บ้าน เพื่อหางานอย่างอื่นทำเพื่อสร้างรายได้ โดยทำอาชีพทางด้านเกษตรกรรม
เธอกล่าวว่า “ช่วงนั้นเราก็มีการศึกษาหาข้อมูลอยู่บ้าง ในเรื่องของเกษตร ว่าจะทำอะไรดีที่สามารถมีรายได้หมุนเวียนตลอด จึงได้แนวความคิดว่าน่าจะทำเกี่ยวกับปศุสัตว์ และปลูกพืชไปพร้อมๆ กัน ก็เลยนำเงินเก็บที่ได้จากการทำงานในช่วงแรกมาทำการลงทุน” คุณวัชรีญา เล่าถึงที่มา
โดยพื้นที่ภายในบ้านจะแบ่งเป็นโซนสำหรับเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชผักสวนครัว แปลงไม้ผล ตลอดไปจนถึงปลูกหญ้าเนเปียร์ที่ใช้สำหรับเลี้ยงโคเนื้อ และที่สำคัญหมู เป็ด และไก่ที่เลี้ยงยังสร้างรายได้ให้กับเธอได้อีกไม่น้อยทีเดียว
“ตอนนั้นก็นำเงินทุนที่ได้จากทำงานมาค่อยๆ ลงทุน โดยที่ยังไม่ได้ลงทุนทีเดียวทั้งหมด ขั้นแรกก็มีซื้อโคเนื้อมาเลี้ยง เพราะมองว่าสามารถผลิตลูกโคให้เราได้ จากนั้นเราก็ขายไป พอมีรายได้เข้ามาเราก็ทำอย่างอื่นไปด้วย ก็จะเป็นรายได้ทดแทนกันไป
อาหารที่ใช้สำหรับเลี้ยงโคให้เจริญเติบโต เธอบอกว่ามีการแบ่งพื้นที่ปลูกหญ้าเนเปียร์ไว้เอง โดยจะตัดและนำมาเข้าเครื่องสับให้โคกินได้ทุกวัน
“การดูแล รั ก ษ า โ ร ค ของสัตว์ ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก หาข้อมูลได้จากปศุสัตว์ที่เราติดต่อไว้ ถึงเวลาก็จะมีการมาดำเนินการให้ ส่วนเป็ด ไก่ หมู ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้เท่าไร เพราะพื้นที่เลี้ยงส่วนใหญ่เป็นสวน เป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างธรรมชาติ อากาศถ่ายเทได้สะดวก ดังนั้น สัตว์ถึงสามารถอยู่ได้และมีความแข็งแรง”
ซึ่งการทำรายได้ของเธอไม่ได้เป็นปัญหา เพราะนอกจากการทำปศุสัตว์แล้วยังมีการทำเกษตรผสมผสาน เช่น การปลูกพืชผักสวนครัว และไม้ผลเข้ามาช่วย พืชผักสวนครัวที่ปลูกอยู่รอบบริเวณบ้านสามารถเก็บผลผลิตไปจำหน่ายได้ทุกวัน โดยได้เงินขั้นต่ำวันละ 300 บาท
ส่วนรายได้เป็นรายปีที่สามารถเป็นเงินเก็บ คุณวัชรีญา บอกว่า เป็นเงินที่ได้จากการจำหน่ายโคเนื้อ โดยที่ไม่ต้องนำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายอะไรก็สามารถเป็นเงินเก็บได้ พร้อมยังบอกอีกว่าเป็นเงินก้อนที่สามารถเก็บและนำไปใช้หนี้ได้จริง
“ลูกโคนี่พออายุได้ประมาณ 1 ปี เราก็สามารถขายได้เงินเป็นหลักหมื่นบาท มีกี่ตัวเราก็ขายได้ตามจำนวนนั้น ซึ่งเงินที่ได้จากรายปีนี่ถือว่าดีมาก เพราะเราทำเงินได้เป็นก้อน สามารถนำไปเก็บหรือชำระหนี้ได้ จึงถือว่าเรามาถูกทางแล้ว ที่มาทำงานด้านเกษตรผสมผสาน สามารถสร้างเงินได้จริง ซึ่งอาหารที่ให้โคให้ไก่ให้เป็ดกิน ก็ปลูกเองรอบบ้านได้
เช่น หญ้าเนเปียร์ ก็ทำให้เราประหยัดต้นทุนไปได้อีก ดังนั้น เกษตรคืองานที่ทำแล้วไม่ได้มีรายได้อย่างเดียว ยังมีความสุขด้วย ” คุณวัชรีญา บอก
ซึ่ง ณ เวลานี้อาชีพทางการเกษตร เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเธอมีความสุขมาก โดยได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับครอบครัว ซึ่งการทำงานในแต่ละวัน เธอเป็นผู้กำหนดเวลาการทำงานเอง ว่าจะทำอะไรบ้างในแต่ละวัน จึงทำให้รู้สึกมีความสุขในการได้เป็นนายของตัวเอง และที่สำคัญได้อยู่กับธรรมชาติกับสภาพแวดล้อมที่ดี
เธอถึงกับบอกว่าทำให้มีสุขภาพจิตที่ดีตามไปด้วย ได้อยู่ดูแลคนที่เธอรักอย่างใกล้ชิดโดยที่ไม่ต้องออกไปทำงานไกลบ้าน
“ไม่เสียใจที่เราอายุเพียง 25 ปี แล้วมาทำเกษตร เพราะมองว่ายิ่งทำแล้วยิ่งมีความสุข อนาคตก็มองว่า ถ้าสามารถขยับขยายอะไรไปได้ ก็จะทำโคขุน เพราะสามารถทำรายได้ดี และถ้างานเกษตรอื่นๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้อีกก็จะพัฒนาต่อไป
เพราะเกษตรผสมผสานเป็นการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน โดยที่ไม่ต้องปลูกพืชเชิงเดียวจำนวนมากๆ เราก็สามารถมีผลผลิตขายได้หลากหลายชนิด หลากหลายราคา ซึ่งที่นี่ก็เป็นแหล่งเรียนรู้ ใครที่สนใจก็เข้ามาศึกษาได้ ยินดีให้คำแนะนำในเรื่องที่พอเป็นประโยชน์ สำหรับผู้ที่สนใจอยากทำเป็นอาชีพต่อไป” คุณวัชรีญา กล่าวแนะนำ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณวัชรีญา มณีรัตน์ หมายเลขโทรศัพท์ (089) 874-7266
ที่มา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://lovedara.com/02/07/2019/20504/