เกษตรแสงสัมพันธ์

ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2562

>SALA KHOYAI


SALA KHOYAI





>มากินกล้วยต้มกัน ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพที่คาดไม่ถึง

มากินกล้วยต้มกัน
ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพที่คาดไม่ถึง














มากินกล้วยต้มกัน ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพที่คาดไม่ถึง


อาการนอนไม่หลับอาจเกิดขึ้นกับใครหลาย ๆ คน และก็มีหลายคนที่ไม่ทราบว่า…อาการนอนไม่หลับหรือความผิดปกติในร่างกายที่ทำให้นอนไม่หลับ อาจมีหลายสาเหตุ อย่างเช่น

       – ความเครียด

       – ความวิตกกังวล

       – รับประทานอาหารมื้อดึก

       – ยาบางชนิด

       – ใช้โทรศัพท์มือถือบ่อย

       รวมถึงการรับประทานยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยาควบคุมความดันโลหิต ที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้อีกด้วย

       ในขณะที่ยาบางชนิดทำให้เกิดอาการง่วงนอนและอาจจะทำให้คุณหลับได้ง่ายขึ้น แต่มันยังไปส่งผลถึงการกระตุ้นการปัสสาวะและความวิตกกังวล ซึ่งจะทำให้คุณไม่ได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ และอีอย่างที่ใครหลายคนก็ชอบทำคือ การเล่นโทรศัพท์เป็นระยะเวลานานเกินไปก่อนที่คุณจะเข้านอน ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับตามมาได้ 

       วิธีรักษาอาการนอนไม่หลับด้วยวิธีทางธรรมชาติ

       สูตรน้ำชากล้วย

       เพื่อช่วยในการนอนของคุณให้นอนหลับพักผ่อนได้ดีขึ้น ด้วยกล้วยต้มนี้ ซึ่งมันจำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะล้างสารเคมีที่ติดออกมาก่อน กล้วยนั้นอุดมไปด้วย โพแทสเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งแร่ธาตุทั้ง 2 ธาตุนี้จะช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ส่งผลทำให้ร่างกายของเรานอนหลับผ่อนคลายได้อย่างสบาย ดำเนินการต้ม กล้วยนี้เป็นหลักๆอยู่ที่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น และนำไปดื่มในช่วงเวลาก่อนที่คุณจะนอน

       ส่วนผสม

       – กล้วยจำนวนหนึ่ง
       – น้ำสะอาดในหม้อขนาดเล็ก
       – อบเชย

       ขั้นตอน

       นำกล้วยลงไปต้มลงในหม้อโดยตัดหัวและท้ายของกล้วยออก โดยต้มประมาณ 10 นาที แล้วเทน้ำออกมาใส่แก้ว เพิ่มรสชาติอบเชยและชากล้วย นำน้ำชากล้วยนี้ไป ดื่มก่อนที่คุณจะนอนประมาณ 1 ชั่วโมง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คุณนอนหลับได้เป็นอย่างสบายใจและพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

       คนอเมริกาส่วนใหญ่จะใช้ยานอนหลับกันเป็นส่วนมาก ซึ่งมันอาจจะส่งผลช่วยในการนอนหลับได้เป็นอย่างดี แต่อีกด้านหนึ่งก็คือ มันจะมีผลแทรกซ้อนเกี่ยวกับสุขภาพของเราในระยะยาว

       ยานอนหลับสูตรนี้ช่วยทำให้คุณนอนหลับได้สบายมากขึ้น และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณด้วยค่ะ รู้แบบนี้แล้วก็ลองนำไปทำดื่มกันนะค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก kaijeaw

ที่มา : http://www.share-si.com/2016/06/blog-post_2.html

บทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพทั้งหมด ทางเว็บไซต์ได้รวบรวมไว้เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้อ่านเท่านั้น จึงไม่สามารถนำไปใช้นำไปอ้างอิงหรือใช้แทนการวินิจฉัยของแพทย์ได้ หากมีการนำข้อมูลในเว็บไซต์ไปใช้ ทางเว็บไซต์จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น จากการนําข้อมูลดังกล่าวไปใช้ ในทุกกรณี โดยไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำอธิบายเพิ่มเติม และควรต้องทราบว่า ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเป็นข้อมูลทั่วๆ ไป ไม่สามารถนำมาใช้ได้กับคนไข้ทุกๆคน

>ทำเกษตรรายได้ไร่ละ ๕๐ ล้านต่อปี แถมเหนื่อยน้อย

ทำเกษตรรายได้ไร่ละ ๕๐ ล้านต่อปี แถมเหนื่อยน้อย



วันนี้เขาจุดประกาย ทำนาไร่ละแสน  ฮือฮากันไปทั้งประเทศ  แต่ผมเสนอมาก่อนหน้านันหลายปีไปแล้วว่า ทำไร่ละ ๑ ล้านก็ยังได้  โดยไม่ต้องทำนาให้เหนื่อยยากด้วยซ้ำไป (บทความส่วนตัว) 
ต่อมาอีกปีผมเสนอไร่ละ ๓ ล้าน 
วันนี้ พศ. ๒๕๕๖  ผมจะมาเสนอไร่ละ ๕๐ ล้าน  เอาให้มันเว่อจนเซ่อกันไปเลย


เศรษฐศาสตร์สวนหมาก
ผมได้เขียนบทความเรื่องเศรษฐศาสตร์สวนหมากไว้นานแล้ว  ซึ่งผมได้เสนอว่าไร่ละล้านบาทต่อปี ไม่น่ายาก แต่วันนี้ ผมจะมาเสนอว่า ไร่ละ ๕๐ ล้าน  ต่อปี  ดูท่าจะเว่อ  แต่ลองอ่านดูนะ

หมากเป็นพืชมหัศจรรย์มาก ๆ  โตไว  กินพื้นที่น้อย ต้นเปลาตรง  สามารถปลูกไร่ละ ๑๖๐๐ ต้นได้สบาย  (บีบมันหน่อย ยิ่งบีบยิ่งดี)   ปลูกสิบปี ได้ไม้โตขนาดลำต้นใหญ่  ๑๒  ซม.  สูง ๑๐ ม.  คำนวณเนื้อไม้ต่อไร่ต่อปีได้ ๑๖ ตันต่อไร่ต่อปี  (ยูคาที่ว่าโตเร็วได้เพียง ๖ ตันต่อไร่ปีเท่านั้น) 

ถ้าเราเอาเนื้อไม้นี้ไปทำเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี  ราคากก.ละ ๕๐๐ บาทไม่น่ายาก  เช่น ทำชุดโต๊ะอาหารหกเก้าอี้หนัก ๑๐๐ กก. ราคา ห้าหมื่นบาทเป็นเรื่องปกติในประเทศไทย แต่ถ้าทำดีๆ ส่งนอก ราคา กก.ละ ๒๐๐๐ บาทไม่น่ายากเลย  จากห้าหมื่นเป็น สองแสนบาท ....ดังนั้นไร่หนึ่งจะสร้างรายได้ ได้  ๓๒ล้านต่อไร่ต่อปี 
หรือถ้าเอาไปทำของต่ำๆ เช่น กรอบรูปเล็กๆ หนึ่งกรอบหนักหนึ่งขีด ราคา ๗ เหรียญ us สองร้อยบาท  หนึ่งกิโล ก็ได้ สองพันบาทเหมือนกัน  ตันละ ๒ ล้าน ๑๖ ตัน ก็ ๓๒ ล้าน 

บ้าไปแล้ว ไร่ละ ๓๒ ล้าน  ..อย่าเพิ่งไม่เชื่อ  จนกว่าท่านจะหาเหตุผลมาแย้งได้ .ตามหลัก อ.กาลมสูตร

..ว่าไปแล้ว ไม้หมากนั้น แปลก  สวย  งาม  มันเลื่อม  ทนทาน แข็งแรง  น่าจะแพงกว่านี้อีกสองเท่าด้วยซ้ำไป  ไม้สัก โตช้าชิดซ้าย 
ผลหมาก ๕๐๐ ลูก ลูกละ ๒ บาท (มีคนรับซื้อถึงสวน)  ก็ได้อีกไร่ละ 1.6 ล้าน
กาบหมากเอาไปทำจานชามชีวภาพต้นหนึ่งให้ ๖ กาบต่อปี  หนึ่งกาบเอามาอัดเป็นชามได้สาม ชามละสามบาท รับไปอีก  86,400 บาท
ยัง ยังไม่พอ  ให้ปลูกมันเลือด พันต้นหมากขึ้นไป (มันเลือดมันชอบภูมิอากาศแดดรำไรแบบนี้อยู่แล้วด้วย และมันชอบพันต้นไม้)  หัวมันเลือดใหญ่มากๆ กอหนึ่งได้ ๕๐ กก.  กก.ละ ๑๐ บาท  ดังนั้นไร่หนึ่งได้ อีก ๘ แสนบาท
ยัง ยังไม่พอ ให้เอาถุงเห็ดไปห้อยไว้ ต้นละร้อยถุง เพราะเห็ดชอบอากาศแบบนี้ ร่ม เย็น อุ่น ชื้น ถ้าได้ถุงละ กก.  กก. ละ ๕๐ บาท ก็ได้อีก ๘ ล้านบาท
ยัง ยังไม่พอ  ถ้าเอากล้วยไม้ไปห้อย  ก็ได้อีก  ๕ ล้าน (กล้วยไม้ก็ชอบแดดรำไร ชื้น) 
ยัง ยังไม่พอ  ถ้าเลี้ยงผึ้งให้กินดอกหมาก ดอกกล้วยไม้  ดอกมันเลือด ก็ได้อีกไร่ละ ๑ ล้าน 
รวมทั้งหมด  ....โอยช่วยผมคิดด้วยสิ  คิดในใจไม่ทัน 
แล้วจะโง่ทำนากันให้เป็นกระดูกสันหลังผุๆ ของชาติ  ให้เขาสนตะพายจ้างไปเดินขบวน เผาบ้านเผาเมืองอีกต่อไปทำไม ปี่น่องเอ๊ย

....คนถางทาง (๖ กพ. ๒๕๕)
ปล.
๑)  นอกจากหมากแล้ว พืชยืนต้น โตไว ใบโปร่ง จำนวนมากก็ทำได้เช่นเดียวกัน  เช่น  เหรียง  เลี่ยน
๒)ไร่ละ ๕๐ ล้านต่อไร่  ถ้าทำสัก ๗๐ ล้านไร่ เท่ากับที่เราทำนา จะได้ gdp  ๓๕๐๐ ล้านล้านบาท  ในขณะที่วันนี้ พศ. ๒๕๕๖ เราได้ gdp ประมาณ ๑๐ ล้านล้านบาท โดยที่ต้องทิ้งลูกเต้าเข้าไปเป็นขี้ข้าต่างชาติตามนิคมอุตสาหกรรมริมทะเล  เพื่อผลิตโตโยต้า ฮอนด้า อีซูซุ นิสสัน โซนี่ ฟอร์ด  พานาโซนิค และ เก้าลอเก้า 
๓)เดนมาร์ครวยที่สุดในโลก  ด้วยฟาร์มโคนม  ส่วนสวีเดนติดกันกลับจนกว่ามากทั้งที่ทำรถ เครื่องบิน  อุตสาหกรรมหนักมากหลาย  เคยสำเหนียกกันบ้างไหม  ท่านพวกวางนโยบายพัฒนาชาติทั้งหลาย
ที่มา https://www.gotoknow.org/posts/518732

>เชื่อลุงเลย! 1 ไร่ ได้ 6 แสน ต่อปี และถ้า 10 ไร่ละ 6 ล้าน และ ทำเกษตรรายได้ไร่ละ ๕๐ ล้านต่อปี แถมเหนื่อยน้อย

เชื่อลุงเลย! 1 ไร่ ได้ 6 แสน ต่อปี และถ้า 10 ไร่ละ 6 ล้าน และ ทำเกษตรรายได้ไร่ละ ๕๐ ล้านต่อปี แถมเหนื่อยน้อย

เชื่อลุงเลย! 1 ไร่ ได้ 6 แสน ต่อปี และถ้า 10 ไร่ละ 6 ล้าน ทำแค่นี้เอง เศรษฐกิจพอเพียงจริงๆ
เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ประทีป มายิ้ม เกษตรกรเจ้าของ ศูนย์การเรียนรู้ชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน สวนพออยู่พอกิน บ้านมายิ้ม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พื้นที่แค่ 1 ไร่ ปีหนึ่งๆทำเงินได้หลายแสนด้วยหลักการใช้ประโยชน์ในที่ดินให้เต็มที่ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน…ส่วนแรก 4 ตารางวา ทำเป็นพื้นที่ทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ สารกำจัดศัตรูพืช
“ส่วนที่ 2 ปลูกพืชแบบเศรษฐกิจพอเพียง ยึด 10 เมนูยอดนิยมครัวไทยต้องใช้พืชอะไร ผมก็ปลูกพืชพวกนั้น ข่า ตะไคร้ กระวาน ผักชี ขึ้นฉ่าย ฟักทอง โหระพา กะเพรา พริก มะเขือ มะกรูด มะนาว มะละกอ ฟัก แฟง แตงกวา ปลูกหมด”
แค่มะละกอ 200 ต้น ประทีป บอกว่า เก็บผลขายได้ทุกวัน วันละ 20 กก. กก.ละ 15 บาท แล้วไหนวันเว้นวันยังจะได้จากพืชผักทั้งหลายอีกครั้งละพันบาท…แค่นี้ได้แล้วเดือนละ 24,000 บาท…ปีละสองแสนกว่าบาท
ส่วนที่ 3 ใช้เนื้อที่ 2.5 ตารางวา ทำคอกเลี้ยงสัตว์แบ่งครึ่งเลี้ยงเป็ดไข่ 10 ตัว อีกครึ่งเลี้ยงไก่ไข่ 10 ตัว ได้ไข่ทุกวัน มีแม่ค้าข้าวแกงมารับซื้อทุก 3 วัน ได้อีกเดือนละ 1,000 บาท ปีละ 12,000 บาท
ส่วนที่ 4 บ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ 2 บ่อ…บ่อแรก 2 ตารางวา ขุดไว้เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาดุก เพาะพันธุ์ขายลูกกับใช้ประโยชน์ไว้กินแมลงศัตรูพืช ได้อาหารให้ปลาดุกฟรีๆ เลี้ยงพ่อพันธุ์ไว้ 20 ตัว แม่พันธุ์ 100 ตัว จะได้ลูกพันธุ์ไปขายตัวละ 1 บาท เดือนละ 10,000 ตัว…ปีหนึ่งเกินแสน
บ่อที่ 2 เนื้อที่ประมาณ 11 ตารางวา ก่ออิฐทำเป็นบ่อเลี้ยง 4 กุ้ง 3 ปลา 2 หอย…4 กุ้ง = กุ้งก้ามแดง-กุ้งก้ามกราม-กุ้งแม่น้ำ-กุ้งฝอย ปล่อยลูกพันธุ์อย่างละ 1 พันตัว…3 ปลา = ปลานิล-ปลาตะเพียน-ปลาคาร์พ…2 หอย = หอยขม-หอยโข่ง
พื้นบ่อเป็นดินเพื่อจะได้ผสมพันธุ์ออกลูกได้ เลี้ยงกันแบบธรรมชาติ อาหารเม็ดอย่าฝันว่าจะได้เงิน ประทีป ใช้แหน สาหร่าย ผักกระเฉด ผักบุ้ง พร้อมกับปลูกข้าวไม่หวังเก็บเกี่ยวไปขาย ต้องการแค่ให้ใบร่วงไปเป็นอาหารสัตว์น้ำเท่านั้นเอง
1 ปี จะได้กุ้งก้ามแดงให้จับขายประมาณ 1.5 แสนบาท…กุ้งก้ามกราม ปีหนึ่งจับได้ 2 หน เป็นเงิน 14,000 บาท…กุ้งแม่น้ำได้ปีละหน 2,400 บาท…จับขายเฉพาะตัวใหญ่ ตัวเล็กเก็บไว้เลี้ยงต่อ โตขึ้นได้ขนาดเมื่อไรถึงขาย แถมยังได้มีโอกาสปล่อยให้จับคู่ผสมพันธุ์ออกลูกหลานให้เราเลี้ยงไปขายได้เรื่อยๆ ไม่รู้จบ
ปลาตะเพียน 10 ตัว ไม่ได้หวังขาย เลี้ยงไว้เพื่อตรวจวัดคุณภาพน้ำ เช้าขึ้นมาปลาตะเพียนลอยหัว ถึงคราวเปลี่ยนน้ำ…ปลานิลเลี้ยงไว้ 10 คู่ ออกลูกหลานมาให้จับขายปีละ 3 หน หนละ 20 กก. ปีหนึ่ง 2,400 บาท ส่วนปลาคาร์พ ซื้อลูกปลาตัวละ 5 บาท มาเลี้ยง 4-5 เดือน เอาไปขายร้านปลาสวยงามได้ตัวละ 80 บาท
หอยขมและหอยโข่ง เลี้ยงไว้ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกก้นบ่อ ปล่อยลูกพันธุ์อย่างละ 1-2 กก. เลี้ยงจนโตออกลูกออกหลาน สามารถจับขายได้ทุกสัปดาห์ หอยขมได้ 200 บาท หอยโข่ง 300 บาท…ปีละ 26,000 บาท
รวมแล้วพื้นที่ 1 ไร่ ประทีปทำเงินได้…ปีละไม่ต่ำกว่า 6 แสนบาท.

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทำเกษตรรายได้ไร่ละ ๕๐ ล้านต่อปี แถมเหนื่อยน้อย
วันนี้เขาจุดประกาย ทำนาไร่ละแสน  ฮือฮากันไปทั้งประเทศ  แต่ผมเสนอมาก่อนหน้านันหลายปีไปแล้วว่า ทำไร่ละ ๑ ล้านก็ยังได้  โดยไม่ต้องทำนาให้เหนื่อยยากด้วยซ้ำไป (บทความส่วนตัว) 
ต่อมาอีกปีผมเสนอไร่ละ ๓ ล้าน 
วันนี้ พศ. ๒๕๕๖  ผมจะมาเสนอไร่ละ ๕๐ ล้าน  เอาให้มันเว่อจนเซ่อกันไปเลย
เศรษฐศาสตร์สวนหมาก
ผมได้เขียนบทความเรื่องเศรษฐศาสตร์สวนหมากไว้นานแล้ว  ซึ่งผมได้เสนอว่าไร่ละล้านบาทต่อปี ไม่น่ายาก แต่วันนี้ ผมจะมาเสนอว่า ไร่ละ ๕๐ ล้าน  ต่อปี  ดูท่าจะเว่อ  แต่ลองอ่านดูนะ
หมากเป็นพืชมหัศจรรย์มาก ๆ  โตไว  กินพื้นที่น้อย ต้นเปลาตรง  สามารถปลูกไร่ละ ๑๖๐๐ ต้นได้สบาย  (บีบมันหน่อย ยิ่งบีบยิ่งดี)   ปลูกสิบปี ได้ไม้โตขนาดลำต้นใหญ่  ๑๒  ซม.  สูง ๑๐ ม.  คำนวณเนื้อไม้ต่อไร่ต่อปีได้ ๑๖ ตันต่อไร่ต่อปี  (ยูคาที่ว่าโตเร็วได้เพียง ๖ ตันต่อไร่ปีเท่านั้น) 
ถ้าเราเอาเนื้อไม้นี้ไปทำเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี  ราคากก.ละ ๕๐๐ บาทไม่น่ายาก  เช่น ทำชุดโต๊ะอาหารหกเก้าอี้หนัก ๑๐๐ กก. ราคา ห้าหมื่นบาทเป็นเรื่องปกติในประเทศไทย แต่ถ้าทำดีๆ ส่งนอก ราคา กก.ละ ๒๐๐๐ บาทไม่น่ายากเลย  จากห้าหมื่นเป็น สองแสนบาท ….ดังนั้นไร่หนึ่งจะสร้างรายได้ ได้  ๓๒ล้านต่อไร่ต่อปี 
หรือถ้าเอาไปทำของต่ำๆ เช่น กรอบรูปเล็กๆ หนึ่งกรอบหนักหนึ่งขีด ราคา ๗ เหรียญ us สองร้อยบาท  หนึ่งกิโล ก็ได้ สองพันบาทเหมือนกัน  ตันละ ๒ ล้าน ๑๖ ตัน ก็ ๓๒ ล้าน 
บ้าไปแล้ว ไร่ละ ๓๒ ล้าน  ..อย่าเพิ่งไม่เชื่อ  จนกว่าท่านจะหาเหตุผลมาแย้งได้ .ตามหลัก อ.กาลมสูตร
..ว่าไปแล้ว ไม้หมากนั้น แปลก  สวย  งาม  มันเลื่อม  ทนทาน แข็งแรง  น่าจะแพงกว่านี้อีกสองเท่าด้วยซ้ำไป  ไม้สัก โตช้าชิดซ้าย 
ผลหมาก ๕๐๐ ลูก ลูกละ ๒ บาท (มีคนรับซื้อถึงสวน)  ก็ได้อีกไร่ละ 1.6 ล้าน
กาบหมากเอาไปทำจานชามชีวภาพต้นหนึ่งให้ ๖ กาบต่อปี  หนึ่งกาบเอามาอัดเป็นชามได้สาม ชามละสามบาท รับไปอีก  86,400 บาท
ยัง ยังไม่พอ  ให้ปลูกมันเลือด พันต้นหมากขึ้นไป (มันเลือดมันชอบภูมิอากาศแดดรำไรแบบนี้อยู่แล้วด้วย และมันชอบพันต้นไม้)  หัวมันเลือดใหญ่มากๆ กอหนึ่งได้ ๕๐ กก.  กก.ละ ๑๐ บาท  ดังนั้นไร่หนึ่งได้ อีก ๘ แสนบาท
ยัง ยังไม่พอ ให้เอาถุงเห็ดไปห้อยไว้ ต้นละร้อยถุง เพราะเห็ดชอบอากาศแบบนี้ ร่ม เย็น อุ่น ชื้น ถ้าได้ถุงละ กก.  กก. ละ ๕๐ บาท ก็ได้อีก ๘ ล้านบาท
ยัง ยังไม่พอ  ถ้าเอากล้วยไม้ไปห้อย  ก็ได้อีก  ๕ ล้าน (กล้วยไม้ก็ชอบแดดรำไร ชื้น) 
ยัง ยังไม่พอ  ถ้าเลี้ยงผึ้งให้กินดอกหมาก ดอกกล้วยไม้  ดอกมันเลือด ก็ได้อีกไร่ละ ๑ ล้าน 
รวมทั้งหมด  ….โอยช่วยผมคิดด้วยสิ  คิดในใจไม่ทัน 
แล้วจะโง่ทำนากันให้เป็นกระดูกสันหลังผุๆ ของชาติ  ให้เขาสนตะพายจ้างไปเดินขบวน เผาบ้านเผาเมืองอีกต่อไปทำไม ปี่น่องเอ๊ย
….คนถางทาง (๖ กพ. ๒๕๕)
ปล.
๑)  นอกจากหมากแล้ว พืชยืนต้น โตไว ใบโปร่ง จำนวนมากก็ทำได้เช่นเดียวกัน  เช่น  เหรียง  เลี่ยน
๒)ไร่ละ ๕๐ ล้านต่อไร่  ถ้าทำสัก ๗๐ ล้านไร่ เท่ากับที่เราทำนา จะได้ gdp  ๓๕๐๐ ล้านล้านบาท  ในขณะที่วันนี้ พศ. ๒๕๕๖ เราได้ gdp ประมาณ ๑๐ ล้านล้านบาท โดยที่ต้องทิ้งลูกเต้าเข้าไปเป็นขี้ข้าต่างชาติตามนิคมอุตสาหกรรมริมทะเล  เพื่อผลิตโตโยต้า ฮอนด้า อีซูซุ นิสสัน โซนี่ ฟอร์ด  พานาโซนิค และ เก้าลอเก้า 
๓)เดนมาร์ครวยที่สุดในโลก  ด้วยฟาร์มโคนม  ส่วนสวีเดนติดกันกลับจนกว่ามากทั้งที่ทำรถ เครื่องบิน  อุตสาหกรรมหนักมากหลาย  เคยสำเหนียกกันบ้างไหม  ท่านพวกวางนโยบายพัฒนาชาติทั้งหลาย
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย คนถางทาง
….. อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/518732

> วิธีขึ้นทะเบียนสวนป่า ปลูกพะยูง สักทอง เพื่อการค้าแบบถูกกฎหมาย!!



วิธีขึ้นทะเบียนสวนป่า ปลูกพะยูง สักทอง เพื่อการค้าแบบถูกกฎหมาย!!


การปลูกไม้เชิงพาณิชย์เป็นการลงทุนชนิดหนึ่ง ที่ใช้เงินลงทุนน้อยและแทบไม่มีความผันผวนเลย ไม้อย่างเช่น ไม้สักทอง ราคาลบ.ม. ละประมาณ 30,000 บาท ไม้พะยุง ราคา ลบ.ม. ละประมาณ300,000-700,000 บาท (ประมาณการเฉลี่ยโดยคร่าวๆ จากที่ผู้เขียนหาข้อมูลมา) ซึ่งเป็นไม้ที่มีราคาสูงมาก ล่าสุดได้รายงานว่าต้นพะยูง 1 ต้น ขนาด 0.47 ลูกบาศก์เมตรที่มีอายุ 30 ปี นั้น รับซื้อกันในราคา 300,000 บาทกันเลยทีเดียว

หากมีที่ดินแค่ 1 ไร่ก็สามารถมีผลตอบแทบเป็นกอบเป็นกำ เห็นได้จากที่มีการลักลอบตัดไม้ในป่าสงวนกันชนิดที่จับกันไม่จบไม่สิ้น เพราะฉะนั้นคิดว่าราคาไม้ในอนาคตจะสูงขึ้นไปอีก ต้นไม้เหล่านี้เราแทบไม่ต้องดูแลอะไรมันมาก ต้นไม้เศษฐกิจเหล่านี้สามารถโตเองได้ตามธรรมชาติ อีกทั้งสามารถปลูกแซมไปกับพืชสวนไร่นาหรือปลูกรอบที่ดินก็ได้ จะได้เกิดการหมุนเวียนของรายได้จากที่ดิน มีรายได้จากที่ดินหลายๆทาง ดังนั้นการลงทุนในต้นไม้ก็เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงมาก ความผันผวนน้อย และมีการปันผลกลับมาในหลายรูปแบบตั้งแต่เริ่มปลูก อย่างเช่น
-อากาศบริสุทธิ์ที่ปันผลทุกวัน
-การกักเก็บน้ำ การคืนความอุดมสมบูรณ์ให้พื้นที่
-เป็นที่อยู่อาศัยให้กับสัตว์เล็กสัตว์น้อย รวมทั้งให้ร่มเงา
-เป็นแหล่งอาหารเช่น เห็ดเผาะที่ชอบขึ้นบริเวณที่มีต้นยางนาและขายได้ราคาดี
นอกจากนี้ ระหว่างที่ต้นไม้โตเราสามารถขายไม้ตัดสางหรือไม้ที่ลำต้นบิดงอไม่ได้ตามต้องการไปก่อนได้ ทำให้มีรายได้ระหว่างนั้น ทั้งนี้การทำสวนป่าก็ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน ส่วนใหญ่มักจะ 20 ปี ขึ้นไป ซึ่งในยุคที่อะไรดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนมีความอดทนรอคอยลดลงทำให้คนส่วนใหญ่มักคิดว่านานเกินไป แต่ 20 ปีไม่นานเกินรอในช่วงชีวิตนี้ และควรเริ่มทำตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างน้อยก็ใช้เป็นทุนเกษียณและทุนการศึกษาลูกได้เป็นอย่างดี ซึ่งขั้นตอนการขอขึ้นทะเบียนทำสวนป่ามีดังนี้
คุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอเพื่อเป็น “ผู้ทำสวนป่า”
1.มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนนั้น
2.ผู้มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ในที่ดิน(ทำหนังสือขออนุญาติใช้ประโยชน์ในที่ดิน)
3.กรณีเช่าที่ดิน ต้องมีสัญญาเช่าพร้อมหนังสือยินยอมผู้ให้เช่า

ขั้นตอนการขึ้นทะเบียน
1.ยื่นคำขอขึ้นทะเบียน โดยเมื่อยื่นแล้วผู้ยื่นคำขออาจดำเนินการไปก่อนได้
2.ชนิดไม้ที่ขอขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่าได้ตามกฎหมาย คือ “เป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ” ซึ่งถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องขอขึ้นทะเบียน ได้แก่
ก. ไม้หวงห้ามธรรมดา ซึ่งการทำไม้จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ข. ไม้หวงห้ามพิเศษ ไม้หายากหรือไม้ที่ควรสงวน ซึ่งไม่อนุญาตให้ทำไม้ เว้นแต่รัฐมนตรี จะได้รับอนุญาตในกรณีพิเศษ
* ไม้สักและไม้ยางทั่วไปในราชอาณาจักรไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใดเป็นไม้หวงห้าม ประเภท ก.
* ไม้ชนิดอื่นในป่าจะให้เป็นไม้หวงห้ามประเภทใดให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของที่ดินด้วย
-ที่ดินโฉนด ไม้หวงห้ามคือไม้สักและไม้ยางเท่านั้น
-ที่ดินประเภทอื่นที่อยู่ภายใต้ประราชบัญญัติป่าไม้ ไม้หวงห้ามคือ ไม้สักและไม้ยาง รวมถึงไม้อีก 171 ชนิด ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530
สรุปได้ว่าที่ดินที่มีโฉนดถ้าไม่ได้ปลูกไม้สักและไม้ยางนาก็ไม่ต้องขอขึ้นทะเบียนก็ได้ แต่ถ้าเป็นที่ประเภทอื่น ต้องพิจารณารายชื่อไม้อีก 171 ชนิด ว่าไม้ที่ปลูกอยู่ในรายชื่อนั้นหรือเปล่า
เอกสารและหลักฐานประกอบการขอขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า
1.แบบคำขอขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า (สป.1)
2.สำเนาทะเบียนบ้าน
3.สำเนาบัตรประชาชน
4.กรณีเป็นผู้ขออนุญาติใข้ประโยชน์ในที่ดินต้องมีหนังสือยินยอมทำประโยชน์
5.สำเนาหลักฐานที่ดิน เพื่อแสดงว่า ที่ดินดังกล่าวผู้ยื่นคำขอ เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครองหรือสิทธิ์ใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้น
6.แผนที่สังเขป แสดงที่ตั้ง เขตติดต่อและแนวเขตที่ดินที่ขอขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่า

ขั้นตอนการดำเนินการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่าและการออกหนังสือรับรอง
1.ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนสวนป่า
2.รอเจ้าหน้าที่พนังงานดำเนินเรื่องการขึ้นทะเบียน
3.พนักงานเจ้าหน้าที่ออกไปทำการตรวจสอบสถานที่ตั้งและสภาพที่ดินและเสนอผลการตรวจสอบ
4.นายทะเบียนแจ้งรับหรือไม่รับขึ้นทะเบียนสวนป่าและออกหนังสือรับรอง

“ทั้งนี้กรมป่าไม้ เปิดลงทะเบียนสวนป่าผ่านระบบออนไลน์แล้ว ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2560”



รายละเอียดเพิ่มเติม >> กรมป่าไม้ เปิดลงทะเบียนสวนป่าผ่านระบบออนไลน์
อ้างอิง
http://www.forest.go.th/chiangrai_2/index.php option=com_content&view=article&id=314&Itemid=422&lang=th

ที่มา http://commentfun.com/2017/11/27/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%9B/

ที่มา http://www.payuseedsshop.com/article/17/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2

>ปลูกต้นสักทองออมเงิน วางแผนเกษียณอายุ





ปลูกต้นสักทองออมเงิน วางแผนเกษียณอายุ ไม่ต้องรอให้ถึงวัยเกษียณ 1 ไร่ 600,000 บาท

      การปลูกไม้เชิงพาณิชย์เป็นการลงทุนชนิดหนึ่ง ที่ใช้เงินลงทุนน้อยและแทบไม่มีความผันผวนเลย ไม้อย่างเช่น ไม้สักทอง อายุ 20 ปี ราคาลบ.ม. ละประมาณ 30,000 บาท ไม้พะยุง ราคา ลบ.ม. ละประมาณ300,000-700,000 บาท (ประมาณการเฉลี่ยโดยคร่าวๆ จากที่ผู้เขียนหาข้อมูลมา) ซึ่งเป็นไม้ที่มีราคาสูงมาก ล่าสุดได้รายงานว่าต้นพะยูง 1 ต้น ขนาด 0.47 ลูกบาศก์เมตรที่มีอายุ 30 ปี นั้น รับซื้อกันในราคา 300,000 บาทกันเลยทีเดียว


ต้นสักทอง อายุต้น 22 ปี ลำต้นประมาณ 1 คนโอบ
การปลูกไม้ยืนต้นนั้น ระยะที่ปลูกที่เหมาะสมคือ 2X4 เมตร และดินเป็นดินร่วนปนทรายจะทำให้ต้นไม้โตไวมาก ซึ่ง 1 ไร่ สามารถปลูกได้ 200 ต้น ถ้าเรามีที่ดิน ที่ไม่ใช้ประโยชน์ จำนวน 5 ไร่ ปลูกต้นสักไร่ละ 200 ต้น จะได้ 1,000 ต้น ใช้เวลา 20 ปี ตัดขายอย่างต่ำต้นละ 3,000 บาท (จริงๆราคาจะสูงกว่านี้มาก) 1,000×3,000=1,000,000 บาท เราจะได้เงิน 1,000,000 บาท  ซึ่งเราแทบจะไม่ได้ดูแลเลย ถ้ามีพื้นที่ 20 ไร่ ปลูกต้นสักทอง 4,000 ต้น คิดเป็นเงินที่จะได้ 12,000,000 บาท ภายใน 20 ปี ถึงว่าเป็นเงินออมแบบนึงที่ผลตอบแทนสูงมาก
ราคาไม้สักปี 2015 ไม้สักแปรรูปคิดกันที่ ลูกบาศก์ฟุตละ 2,500 บาท
ดังนั้นการคำนวนไม้สักท่อน สมมุติว่า ใช้ราคา ลูกบาศก์ละ 1,000 บาท
รอบวงไม้ 30 cm รัศมีก็ 15 cm หรือ 1/2 ฟุต คิดที่ความยาว 1 เมตร คำนวนราคาก็
= 3.14 * 0.25 * 3.3
= 2.59 ลบฟ
ดังนั้น ราคา ต่อเมตร = 2,590 ยาวกี่เมตรก็คูณเข้าไป (แต่ตอนนี้สูงกว่าราคานี้มากๆ)
ลำไม้สักที่สมบรูณ์ดีๆ มักจะเท่ากันในช่วงสามสี่เมตรแรกจากโคนต้น ภาษาเหนือเรียกว่าไม้มันเลาดี ดังนั้นไม้เลาๆ จะวัดตรงใหนก็ไม่ต่างกันมากนัก ผู้ซื้อไม้ปกติจะวัดจากระยะโคนขี้นมาประมาณระดับอก ไม้ยิ่งตรงและยาวก็จะยิ่งราคาสูง ปกติวัดไม้กันเป็นศอก แปด หก สิบสอง สิบแปด ศอก
ปล. 1 ศอก = ครึ่งเมตร/50 ซม.

วิธีขึ้นทะเบียนสวนป่า ปลูกพะยูง สักทอง เพื่อการค้าแบบถูกกฎหมาย!! >> https://goo.gl/LJiig6

วิธีการปลูกต้นสักทอง และบำรุงดูแลรักษาต้นสักทอง >> https://goo.gl/9WJvL2


ขอบคุณข้อมูลจาก  www.payuseedsshop.com
ที่มา http://krusandee.com/2018/03/31/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%A7%E0%B8%B2/

>เห็ดหอม อบแห้ง

เห็ดหอม อบแห้ง












>ครบรอบ 10 ปี 10 เดือน รูปปี 2550 ไหนบอกไม่กลัวคะคุณชาย เกาะสะแน่นเลย^^


ครบรอบ 10 ปี 10 เดือน 😊💕😊
😽รูปปี 2550
ไหนบอกไม่กลัวคะคุณชาย เกาะสะแน่นเลย^^
#สวนเสือศรีราชา
#ปี1
#เที่ยวต่างจังหวัดครั้งแรกของสองเรา