เกษตรแสงสัมพันธ์

ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562

>หนุ่มลาออกจากงาน ตัดสินใจเลี้ยงปูนา ด้วยทุนเพียง 1,000 พร้อมบอกเคล็ดลับ โกยรายได้เป็นล้านง่ายๆ

หนุ่มลาออกจากงาน ตัดสินใจเลี้ยงปูนา ด้วยทุนเพียง 1,000 พร้อมบอกเคล็ดลับ โกยรายได้เป็นล้านง่ายๆ

สวัสดีค่ะทุกท่าน หากใครที่กำลังมองหาธุรกิจสร้างรายได้ วันนี้เรานำเรื่องราวของหนุ่มคนหนึ่งที่น่าสนใจมาให้ชมกัน “ปานศิริ ปาดกุล” หรือ ตูมตาม ลูกชายคนเดียวในวัยเพียง 22 ปี ที่ต้องกลายเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว เคยลำบากแม้กระทั่งไม่มีเงินซื้อข้าวสารกิโลกรัมละ 33 บาท เคยเป็นหนี้นอกระบบ ต้องทำสารพัดอาชีพแต่สุดท้ายจับทางถูก หันมาเลี้ยงปูนา บังคับผสมพันธุ์ปีละ 3 ครั้ง ส่งขายร้านอาหาร บางเดือนสร้างรายได้หลักล้านบาท
คุณตูมตาม เล่าว่า หลังจบปริญญาตรี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ทำงานที่แรกในแผนกบัญชี บริษัทแห่งหนึ่ง จากนั้นย้ายไปอยู่โรงงานผลิตอะไหล่โทรศัพท์มือถือที่จังหวัดปทุมธานี ทำงานประจำได้ราว 5 เดือน ก็ลาออก เพราะต้องกลับบ้านเกิดที่จังหวัดสิงห์บุรีไปดูแลพ่อซึ่งประสบอุบัติเหตุขาหัก เดินไม่ได้
“ผมทำงานประจำ รับเงินเดือน 2 หมื่นบาท อยู่ราว 5 เดือน พอรู้ว่าพ่อในวัย 60 ปี ประสบอุบัติเหตุ ก็เลือกที่จะลาออก แล้วกลับบ้านมาดูแล พร้อมกับแบ่งเบาภาระบุพการี ด้วยการเป็นเสาหลักหารายได้เลี้ยงปากท้อง 3 คน”
ในเบื้องต้นเด็กหนุ่มอนาคตไกลใช้เงินเก็บที่มีอยู่ซื้ออาหารและสิ่งจำเป็น ทว่าผ่านไปซักระยะ เงินเก็บเริ่มไม่พอ คราวนี้ต้องไปกู้เงินทั้งในระบบและนอกระบบ ตูมตามบอกว่า เนื่องจากพ่อเดินไม่ได้ ต้องกินอาหารผ่านสายยางอยู่ 5 เดือน แม่ก็ป่วย ขณะที่ทั้งบ้านเหลือเงินเพียง 1,000 บาท
เงินติดตัวเพียง 1,000 บาทสุดท้าย เด็กหนุ่มใช้วิธีนำไปลงทุนขายไก่ย่าง หมูปิ้ง เจ้าตัว บอกว่า ขายดี พอมีรายได้มาหล่อเลี้ยงครอบครัว ทว่าขายไปสักระยะเริ่มมีคู่แข่งมากขึ้น หนที่สุดจำต้องเลิกขาย แล้วหันมาใช้วิธีพรีออเดอร์สินค้า ผ่านเฟซบุ๊ก กินกำไรส่วนต่าง
“ผมเลิกขายหมูปิ้ง ไก่ย่าง แล้วหันมาใช้ประโยชน์จากเฟซบุ๊กด้วยการรับพรีออเดอร์สินค้าจำพวกผักสด ปลา เอากำไรกิโลกรัมละ 20 – 30 บาท”
ตูมตาม บอกว่า รายได้จากการพรีออเดอร์สินค้าจำพวกอาหารสดค่อนข้างดี มีเงินหมุนเวียนในครอบครัวแต่ละเดือนเป็นหมื่น แต่นานวันอยากหาความยั่งยืนให้กับชีวิต และแล้วจู่ๆ ก็คิดเลี้ยงปูนาขึ้นมา
“ในตลาดมีคนรับพรีออเดอร์สินค้ามากขึ้น ผมเลยคิดว่าอยากจะขยับขยายหาอาชีพอื่นที่มั่นคงกว่า ประกอบกับส่วนตัวชอบกินปูนามาก (ปูที่ใส่ส้มตำ) เคยไปหาตามท้องนา 5-6 ชั่วโมง ไม่สามารถหาได้ เลยเกิดความคิด จะเลี้ยงขาย”
ด้วยความชอบกินปูนา ตูมตาม บอกว่า ใช้เงินเก็บที่มีอยู่จากการรับพรีออเดอร์สินค้า 2 หมื่นบาท ลงทุนเลี้ยงปูนาในบ่อปูน บนที่ดินที่มีอยู่ 1ไร่ 44 ตารางวา สั่งปูนา คละไซส์มาจากหลายจังหวัด ครั้งแรกราว 4 ตัน
การเลี้ยงปูนาครั้งแรกของตูมตามนั้นไม่สำเร็จ เด็กหนุ่ม บอกว่า ตายหมดเลย 4 ตัน เนื่องจากว่าเลี้ยงในบ่อปูน ซึ่งมีความเย็น อีกทั้งใส่น้ำประปาลงไปอีกมีคลอรีน ปูนาปรับสภาพไม่ทัน ตายเกลี้ยง
ด้วยความไม่ยอมแพ้ และกลับไปหาข้อมูลเพิ่มเติม คราวนี้ตูมตามสั่งปูนามาเลี้ยงอีกครั้ง แต่เขาพัฒนาด้วยการเลือกซื้อพ่อแม่พันธุ์ปูนามาเลี้ยงแทนการซื้อตัวเล็ก เพราะปูนาตัวเล็กจะบอบบางตายง่ายกว่าพ่อแม่พันธุ์ ปัจจุบันเลี้ยงปู 2 สายพันธุ์ คือ ปูนาธรรมดา ตัวจะมีขนาดเล็ก และ ปูนาพันธุ์กำแพง ตัวใหญ่ รสชาติมัน
สำหรับวิธีการเลี้ยง เจ้าของฟาร์ม บอกว่า หลังจากได้ปูนาพ่อแม่พันธุ์มาแล้ว ให้เลี้ยงในบ่อดินเหนียว ใส่น้ำให้ดินแฉะๆ สร้างบรรยากาศตามธรรมชาติ เลี้ยงต่อไป จนปูนาเริ่มกินอาหารได้เอง ประมาณ 5 วัน ค่อยย้ายไปอยู่บ่อปูน บ่อปูนที่ใช้เลี้ยงปู มี 70 บ่อ ขนาดบ่อละ 2×3 เมตร 1บ่อเลี้ยงปูได้ประมาณ 10,000 ตัว
การให้อาหาร สำหรับพ่อแม่พันธุ์ เจ้าของฟาร์ม จะให้อาหารวันละ 2 มื้อ ช่วงเช้ามืด และช่วงค่ำ เป็นอาหารปลาดุกเม็ดเล็กโปรตีน 32 หรือจะเสริมด้วยรำข้าวก็ได้ วางตามพื้นดิน เมื่ออาหารเม็ดโดนน้ำและดินก็จะละลาย ช่วงกลางคืนและช่วงเช้ามืด ปูนาจะออกมากิน ส่วนอาหารของลูกปูนาลงเดิน จนถึงอายุ 3 เดือน เป็นไข่แดงต้มสุก ให้อาหารวันละ 1 มื้อช่วงเช้า
สำหรับเทคนิคบังคับผสมพันธุ์ปีละ 3 ครั้ง ตูมตามเผยว่า โดยปกติปูนาจะออกลูกเพียงปีละ 1 ครั้ง ช่วงประมาณต้นเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนแต่เพื่อให้มีปูจำหน่ายตลอดทั้งปี ผมบังคับให้ปูผสมพันธุ์และออกลูกได้ปีละ 2-3 ครั้ง วิธีการคือ หลังจากปูนาออกลูกไปแล้วในช่วงฤดูฝน ให้ปล่อยดินแห้งแตกระแหง จากนั้นให้ฉีดน้ำเข้าไปเต็มที่ ทำให้ปูนาคิดว่าเข้าฤดูฝนอีกครั้งก็จะออกมาผสมพันธุ์กันเอง
ด้านการตลาด เด็กหนุ่มคนเมืองสิงห์ บอกว่า ขายทั้งปูสด ปูดอง และนำปูมาแปรรูปเป็นน้ำพริกเผา กะปิปู ส่งขายร้านอาหาร บางเดือนสร้างรายได้หลักล้านบาท
ผมขายปูทั้งตัวเล็กที่ใช้ตำส้มตำกิโลกรัมละ 80-100 บาท ส่วนปูตัวใหญ่ที่กำลังลอกคราบ เรียกว่าปูนิ่มกิโลกรัมละ 1,200 บาท และก้ามปูกิโลกรัมละ 1,000 บาท ส่งตามร้านอาหาร ภัตตาคาร รวมถึงขายพ่อแม่พันธุ์ด้วยคู่ละ 100 บาท นอกจากนี้ยังมีการนำปูนามาเพิ่มมูลค่าเป็น ปูดอง กะปิปูนา น้ำพริกเผาปู”
ขอขอบคุณที่มาและข้อมูลจาก :siamtopic.com
ที่มา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facedara.com/49262/?fbclid=IwAR0ZuJWTuzOX6M_hmlgIez7a4ZZp7Ng3ShDlxd_GIttEIUj3mD771FiU3as

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562

>อีกหนึ่งผลงานสร้างสรรจากความคิดดีๆ หูหิ้วแก้วไม้ไผ่ ช่วยลดการใช้หูหิ้วถุงพลาสติก ลดภาวะโลกร้อน

อีกหนึ่งผลงานสร้างสรรจากความคิดดีๆ หูหิ้วแก้วไม้ไผ่ ช่วยลดการใช้หูหิ้วถุงพลาสติก ลดภาวะโลกร้อน

อีกหนึ่งผลงานสร้างสรรจากความคิดดีๆ หูหิ้วแก้วไม้ไผ่ ช่วยลดการใช้หูหิ้วถุงพลาสติก ลดภาวะโลกร้อน



ปัจจุบันทั่วทั้งโลกมีการรณรงค์ให้ลดการใช้ถุงพลาสติกที่เป็นสาเหตุหนึ่งหลักๆ เลยในปัญหาภาวะโลกร้อนที่โลกเรากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ มีมากมายหลายวิธีในการช่วยลดการใช้ถุงพลาสติก การใช้ถุงผ้า ซื้อของน้อย ไม่รับถุงพลาสติก วันนี้เราจะพาไปดูไอเดียชาวบ้านในการใช้ไม้ไผ่มาทำเป็นหูหิ้วแก้วจากไม้ไผ่ ลดการใช้หูหิ้วถุงพลาสติกไปอีก แถมยังเก๋ๆ อีกด้วย โดยทางด้านเพจ ภูนั่งยอง Cafe’ ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุว่า….


เราอยากให้คุณได้รับรู้ถึงความสวยงาม จากธรรมชาติ และจากผู้ผลิตทุกๆขั้นตอน ว่าพวกเขาตั้งใจมาก อยากมอบสิ่งที่ดีสู่ทุกคน

#หูหิ้วแก้วไม้ไผ่ เป็นงานจากภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยใช้ไม้ไผ่เป็นลำๆ มาทำการจักตอกเป็นเส้นบางๆ แล้วนำมาขึ้นรูปเป็นชิ้นงาน ทำด้วยมือทุกขั้นตอน ถือว่าเป็นการส่งเสริมอาชีพของกลุ่มแม่บ้าน ผู้สูงอายุ ซึ่งทำกันเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้กับครอบครัว

ทุกการสั่งซื้อของคุณลูกค้า เป็นการช่วยเหลือชุมชนเล็กๆ ให้มีรายได้ ซึ่งถือเป็นค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และพวกเราภาคภูมิใจที่ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าของเรา

ติดต่อสั่งซื้อหรือเข้าไปชมได้ที่

#เพจหูหิ้วแก้วไม้ไผ่ อุดหนุนชุมชนกันค่ะ

ไอเดียภูมิปัญญาชาวบ้าน


หูหิ้วแก้วไม้ไผ่


เก๋มาก
เป็นไอเดียที่ดีมาก นอกจากจะสร้างรายได้ให้กับชุมชนแล้วยังช่วยลดการใช้พลาสติกลดภาวะโลกร้อนสุดยอดไปเลยไอเดียนี้ 

ที่มา อ่านเพิ่มเติมได้ที่

>อาชีพสร้างรายได้ “ปลูกพลู” 3 เดือนเก็บขาย ทั้งใน-นอกประเทศ(คลิป) อาชีพสร้างรายได้ “ปลูกพลู” 3 เดือนเก็บขาย ทั้งใน-นอกประเทศ(คลิป)

อาชีพสร้างรายได้ “ปลูกพลู”  3 เดือนเก็บขาย  ทั้งใน-นอกประเทศ(คลิป)

อาชีพสร้างรายได้ “ปลูกพลู”  3 เดือนเก็บขาย  ทั้งใน-นอกประเทศ(คลิป)

พลูเป็นไม้เลื้อยที่มีข้อและปล้องชัดเจน โดยแต่ละข้อจะมีรากสั้นๆออกรอบๆ จัดเป็นพืชใบเดี่ยวติดกับลำต้นแบบสลับ ซึ่งลักษณะของใบจะแหลมคล้ายใบโพธิ์  ผิวใบมัน มีรสเผ็ดร้อน นิยมนำมาทากับปูนแดงเคี้ยวร่วมกับหมาก นอกจากนี้ยังใช้ในพิธีมงคลเป็นเครื่องเซ่นไหว้ การทำเครื่องบายศรีสู่ขวัญ
กดชมคลิป
14527594_1422301354454184_1290331057_n
สวนพลูกว่า 20 ไร่  ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยมี คุณสิตา หิมารัตน์ หรือคุณเจี๊ยบ เจ้าของสวนพลูแห่งนี้
คุณเจี๊ยบ เล่าว่า  การปลูกพลูการเกษตรที่ทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่  และเธอเอง ก็มาสืบสานอาชีพนี้ต่อ
พลูเป็นพืชที่ปลูกได้ทุกสภาพพื้นที่ แต่จะให้ผลผลิตดีต้องปลูกในพื้นที่ที่สภาพอากาศร้อนชื้นและมีแสงแดดส่งถึงอย่างน้อย 50-60 เปอร์เซ็นต์ โดยสามารถปลูกได้ทุกฤดู
30 วันเก็บ 1 ครั้ง ไม่งั้นใบจะแก่เกินไป
เริ่มต้นการปลูก ดินต้องเป็น ดินร่วน ขุดหลุม ลึก 15 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร โดย  กิ่งพันธุ์ต้องเป็นยอดที่ขยายพันธุ์โดยการชำ
ระยะปลูกระหว่างต้น ระหว่างแถว อยู่ที่ 1.2 เมตร คูณ 1.5 เมตร และต้องให้น้ำวันเว้นวัน  และปุ๋ยเดือนละ  2 ครั้ง  หลังจากปลูกแล้ว 3 เดือนเก็บใบขายได้
14489791_1422301457787507_156024393_o
ในพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 300 ต้น  ต้นกล้า 1 ต้นราคา  20 บาท
และเมื่อ คิดตค่าติดตั้งโรงเรือน ระบบน้ำ 1 ไร่ ใช้เงินทุนประมาณ  40000 บาท
สำหรับตลาดที่สำคัญคือ ปากคลองตลาด  และส่งออกไป ไต้หวัน ด้วย
ส่วน ราคาจำหน่าย จะแบ่งออกเป็น 3 เกรด คือ ขนาดใบใหญ่ จำหน่ายกิโลกรัมละ 70 บาท ใบขนาดกลางเป็นขนาดที่ตลาดต้องการ จำหน่ายกิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนใบขนาดเล็กจะจำหน่ายกิโลกรัมละ 30-50 บาท โดยราคาแต่ละขนาดจะปรับขึ้น-ลง ตามปริมาณใบพลูในช่วงเวลานั้นๆ
ทั้งนี้ คุณเจี๊ยบ มีคำแนะ สำหรับคนที่อยากปลูกคือ ต้องเริ่มต้นจากหาตลาดก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับแรก
ผู้สนใจ ติดต่อ คุณเจี๊ยบได้ที่ โทร. 062-4239236 หรือ เข้าไปดูในเพจ ขายใบพลูราคาส่ง by เจี๊ยบ

14569640_1422301504454169_1044482671_n
14489599_1422301294454190_1601140037_o14489665_1422301431120843_1451445455_o


ขอบคุณภาพนิ่ง  อภิวัฒน์  คำสิงห์  ผู้สื่อข่าวมติชนทีวี
ที่มา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sentangsedtee.com/farming-trendy/article_7955

>อาชีพสร้างรายได้งาม ปลูกพลูต้นทุนต่ำกำไรสูง ปลูก 3 เดือน เก็บขายได้

อาชีพสร้างรายได้งาม ปลูกพลูต้นทุนต่ำกำไรสูง ปลูก 3 เดือน เก็บขายได้


วันนี้ ด.ญ.ภิญญดา ขอนำเสนอเรื่องราวน่าสนใจ อาชีพสร้างรายได้งาม สาวปลูกพลู ต้นทุนต่ำกำไรสูง ใช้เวลา 3 เดือน เก็บขายทั้งในและนอกประเทศ ปัจจุบันนี้เรียกได้ว่าการทำเกษตรกรรมนั้น กำลังมาแรงและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ถ้าหากว่าเราหมั่นเรียนรู้และศึกษา มีความมุ่งมั่นก็สามารถสร้างรายได้ และเป็นอาชีพที่มั่นคงได้อย่างดีเยี่ยม ว่าแล้วเราไปดูเรื่องราวของ อาชีพสร้างรายได้งาม สาวปลูกพลู ต้นทุนต่ำ กำไรสูง ใช้เวลา 3 เดือน เก็บขายทั้งในและนอกประเทศ ที่ต้องบอกเลยว่า สร้างรายได้ได้เดือนละเป็นล้านเลยล่ะค่ะ…


พลูเป็นไม้เลื้อยที่มีข้อและปล้องชัดเจน โดยแต่ละข้อจะมีรากสั้นๆ ออกรอบๆ จัดเป็นพืชใบเดี่ยว ติดกับลำต้นแบบสลับ ซึ่งลักษณะของใบ จะแหลมคล้ายใบโพธิ์ ผิวใบมัน มีรสเผ็ดร้อน นิยมนำมาทากับปูนแดง เคี้ยวร่วมกับหมาก นอกจากนี้ยังใช้ในพิธีมงคลเป็นเครื่องเซ่นไหว้ การทำเครื่องบายศรีสู่ขวัญ….




สวนพลูกว่า 20 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยมี คุณสิตา หิมารัตน์ หรือคุณเจี๊ยบ เจ้าของสวนพลูแห่งนี้ คุณเจี๊ยบ เล่าว่า การปลูกพลู การเกษตรที่ทำมาตั้งแต่ รุ่นพ่อรุ่นแม่ และเธอเอง ก็มาสืบสานอาชีพนี้ต่อ…..




พลูเป็นพืชที่ปลูกได้ทุกสภาพพื้นที่ แต่จะให้ผลผลิตดี ต้องปลูกในพื้นที่ที่สภาพอากาศร้อนชื้น และมีแสงแดดส่งถึงอย่างน้อย 50-60 เปอร์เซ็นต์ โดยสามารถปลูกได้ทุกฤดู 30 วันเก็บ 1 ครั้ง ไม่งั้นใบจะแก่เกินไป….


เริ่มต้นการปลูก ดินต้องเป็น ดินร่วน ขุดหลุม ลึก 15 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร โดย กิ่งพั นธุ์ต้องเป็นยอด ที่ขยายพั นธุ์โดยการชำ ระยะปลูกระหว่างต้น ระหว่างแถว อยู่ที่ 1.2 เมตร คูณ 1.5 เมตร และต้องให้น้ำวันเว้นวัน และปุ๋ ยเดือนละ 2 ครั้ง หลังจากปลูกแล้ว 3 เดือนเก็บใบขายได้………

ในพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 300 ต้น ต้นกล้า 1 ต้นราคา 20 บาท และเมื่อ คิดค่าติดตั้งโรงเรือน ระบบน้ำ 1 ไร่ ใช้เงินทุนประมาณ 40,000 บาท….


สำหรับตลาดที่สำคัญคือ ปากคลองตลาด และส่งออกไป ไต้หวันด้วย ส่วน ราคาจำหน่าย จะแบ่งออกเป็น 3 เกรด คือ ขนาดใบใหญ่ จำหน่ายกิโลกรัมละ 70 บาท ใบขนาดกลางเป็นขนาดที่ตลาดต้องการ จำหน่ายกิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนใบขนาดเล็กจะจำหน่ายกิโลกรัมละ 30-50 บาท โดยราคาแต่ละขนาดจะปรับขึ้น-ลง ตามปริมาณใบพลูในช่วงเวลานั้นๆ….


ทั้งนี้ คุณเจี๊ยบ มีคำแนะ สำหรับคนที่อยากปลูกคือ ต้องเริ่มต้นจากหาตลาดก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับแรก ผู้สนใจ ติดต่อ คุณเจี๊ยบได้ที่ โทร. 062-4239236 หรือ เข้าไปดูในเพจ ขายใบพลูราคาส่ง by เจี๊ยบ

ที่มา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.khaosocial.net/p/33769

>บ้านปูนเปลือย Loft ง่าย ๆ สี่เสาก็เอาอยู่

บ้านปูนเปลือย Loft ง่าย ๆ สี่เสาก็เอาอยู่
บ้านโมเดิร์นสวยด้วยแสงไฟยามค่ำ

บ้านโมเดิร์น

บ้านปูนเปลือย อิสระของการรับแสง วิว และลม

บ้านที่ดีต้องอยู่สบาย คำนี้ยังใช้ได้ดีในทุกยุคสมัยเลยนะครับ คำว่าอยู่สบายนี้ในแต่ละยุคก็ตีความแตกต่างกันออกไป  การสร้างบ้านจึงสามารถปรับเปลี่ยนประยุกต์ได้ไม่รู้จบ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นบ้านในแบบไหนยุคไหน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ การสร้างให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศ เพื่อให้เกิดพื้นที่สบายนั่นเองครับ อย่างบ้านในประเทศบราซิลที่จะพาไปชมวันนี้ ไอเดียการสร้างง่ายมาก ๆ มีฐานเป็นเสาเพียง 4 ต้น รองรับแผ่นคอนกรีตที่นำมาประกอบกันเป็นกล่องสี่เหลี่ยม จัดวางทิศทางในการรับแสง ลม ทิวทัศน์ และพื้นที่ว่างให้บ้านโปร่งสบาย แค่นี้ก็เป็นบ้านที่อยู่สบายสุด ๆ แล้วครับ
ออกแบบ : Yuri Vital
เรียบเรียง : บ้านไอเดีย
บ้านโมเดิร์นคอนกรีตผนังกระจก
คลิกที่ภาพ เพื่อรับชมภาพในขนาดใหญ่
บ้านคอนกรีตมีดาดฟ้า
บ้านปูนเปลือยดูเรียบ เท่ โมเดิร์นแต่ดูใกล้ชิดธรรมชาติหลังนี้เป็นความลงตัวในการออกแบบอีกหลังหนึ่ง เพราะดึงเอาความเป็นตัวตนของวัสดุที่ใช้ในแต่ละส่วนออกมาได้อย่างชัดเจน เพื่อให้บ้านสามารถตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัย 3 ข้อหลัก ๆ ได้ดี คือ วิว การระบายอากาศที่ดี และแสงสว่างจากธรรมชาติ ในพื้นที่ทั้งหมด 220 ตารางเมตร สถาปนิกเนรมิตบ้านที่วางโครงสร้างง่ายๆ จากเสา 4 ต้น แล้ววางทับด้วยแผ่นคอนกรีต ดูโปร่ง สบาย เต็มไปด้วยพื้นที่เปิดให้เข้าถึงสวน ทิวทัศน์ทั้งแนวราบและมุมสูง รวมถึงการจัดการพื้นที่ให้ใช้ประโยชน์ได้ดีในทุกจุด ตัวบ้านแม้ดูเรียบง่ายแต่ไม่ถูกกลืนหายไปกับฉากหลัง
บ้านโมเดิร์นเปิดโล่งมีดาดฟ้า
พื้นที่สังสรรค์ชมวิวบนดาดฟ้า
ด้านบนของหลังคาสแลปมี Roof garden คือพื้นที่จัดสวนหรือเป็นลานอเนกประสงค์ จุดนั่งเล่น บนดาดฟ้าที่ปูทับพื้นคอนกรีตด้วยไม้ระแนง เชื่อมต่อความเป็นธรรมชาติให้มุมนี้ได้เป็นอย่างดี และยังเป็นตัวช่วยลดความร้อนให้พื้นดาดฟ้าอีกด้วย ที่นี่จึงเป็นหนึ่งมุมโปรดของทุกคนในบ้าน เพราะได้ใช้เวลาว่างนั่ง นอนชิล ๆ ชมวิวเมือง ตากสายลมสบายยามเย็น ไปพร้อม ๆ กับทานอาหารกับสมาชิกในบ้าน แค่นี้ความสุขใหญ่ ๆ ก็คว้าได้ง่าย ๆ แบบไม่ไกลเกินเอื้อม
เสารองรับน้ำหนักพื้นอาคาร
พื้นล่างโล่งเห็นเสาลอยและคานขนาดใหญ่ที่รองรับน้ำหนักแผ่นคอนกรีต เว้นไว้ให้เป็นบริเวณที่ว่างด้านล่างเพื่อช่วยในการระบายอากาศด้วย
บ้านโมเดิร์นมีพื้นที่สวนกลางบ้าน
ด้วยลักษณะพื้นที่ที่มีความสูงต่างระดับ ทำให้ต้องสร้างอาคารด้านหนึ่งยกสูงขึ้นจากพื้น 1.5 เมตร พื้นที่ว่างด้านล่างต่อเนื่องกับสนามหญ้าสามารถใช้ประโยชน์เป็นจุดพักผ่อนนอนเปลญวนหรือนั่งเล่นหลบร้อนในวันสบาย ๆ สถาปนิกเชื่อมพื้นที่ระหว่างอาคารข้างหน้า- ข้างหลังทั้งด้านล่างและด้านบน ด้วยการทำบันไดคอนกรีตลอยตัวที่พาดผ่านสร้างความต่อเนื่องให้ทั้งสองอาคาร วิธีนี้ช่วยให้ไม่บดบังวิสัยทัศน์และช่วยเพิ่มจุดชมวิวธรรมชาติและทะเลในมุมสูง ส่วนพื้นราบด้านล่างทำบันไดเล็ก ๆ ต่อพื้นที่สวนเข้าสู่ตัวอาคาร
บ้านคอนกรีตผนังกระจก
บันไดลอยตัวสีดำ
บ้านโมเดิร์นปูนเปลือยผนังกระจก
การออกแบบบ้านที่ต้องการทั้งวิวและแสง จึงต้องใช้วัสดุที่เปิดให้บ้านสามารถรับแสงธรรมชาติได้มากที่สุดด้วยการใช้กระจกติดผนัง ๆ ทั้งสองด้าน ช่วยให้เกิดมีอิสระในการกำหนด
ช่องแสงได้มากกว่าเดิม บ้านจึงโปร่งใสดูเหมือนไร้ผนัง เปิดมุมมองทางสายตาให้สัมผัสกับความสดชื่นจากสวนและทิวทัศน์ได้ทุกด้าน คนในบ้านจึงเพลิดเพลินกับบรรยากาศโดยรอบได้ 360 องศา แม้ในขณะที่นั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟาตัวโปรด หรือตอนทำอาหารมื้ออร่อย
บ้านคอนกรีตประตูไม้
ห้องนอนตกแต่งลุคเรียบ ๆ ด้วยโครงสร้างคอนกรีตหล่อในที่ แต่ไม่ดูแข็งกระด้างเกินไป เพราะมีประตูบานสไลด์ทำจากไม้ระแนงช่วยเต็มความรู้สึกนุ่มนวลให้ห้องนอน และช่วยกรองแสงในวันที่มีแดดมากเกินจำเป็น ทางเดินหน้าห้องเชื่อมต่อไปยังระเบียงภายนอก จึงรับอากาศบริสุทธิ์และทิวทัศน์ที่งดงามได้เพียงแต่เดินออกไปไม่กี่ก้าว
ห้องน้ำปูนเปลือย
บ้านโมเดิร์นเปิดพื้นที่ว่างด้านใน
ถึงบ้านจะต้องการความโปร่ง ใส เพื่อเปิดมุมมองให้บ้านได้ตามใจ แต่ก็ยังคงต้องการความเป็นส่วนตัว ส่วนของห้องนอนจึงเลือกตีปิดทับด้วยไม้ที่ช่วยเติมความอบอุ่นจากสัมผัสของวัสดุธรรมชาติเข้ามาเบรคความดิบแข็งของคอนกรีต บันไดคอนกรีตและราวเหล็กทาสีดำช่วยเติมเส้นสายทางสายตาที่ชัดเจนให้บ้านได้อีกทางหนึ่ง เมื่อทั้งไม้ คอนกรีต กระจกและเหล็กมาอยู่รวมกับส่วนตรงกลางบ้าน จึงมองเห็นความหลากหลายในวัสดุแต่ละชนิดที่อยู่รวมกันได้อย่างสมดุลย์
บันไดลอยตัว
บ้านโมเดิร์นปูนเปลือยผนังกระจกมีดาดฟ้า
บ้านโมเดิร์นสวยด้วยแสงไฟยามค่ำ
แปลนบ้าน 

บ้านชั้นเดียว โครงสร้างเหล็ก
สถาปนิกออกแบบบ้าน : Punplan | Line ID : @Punplan
ที่มา : อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.banidea.com/two-beams-house-yuri-vital/?fbclid=IwAR0s6LasQcgPggaiRHA06l7vVq5Mbf7wJLmZBY2FIvspPm2oCge-AHiFQ_8

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2562

>ไชโย เรียนจบปริญญาแล้ว จะได้เป็นคนว่างงาน

ไชโย เรียนจบปริญญาแล้ว จะได้เป็นคนว่างงาน

ไชโย เรียนจบปริญญาแล้ว จะได้เป็นคนว่างงาน

คอลัมน์ นอกรอบ
โดย ศาสตราจารย์พิเศษ อธึก อัศวานันท์
ช่วงนี้เป็นเวลาที่นิสิตนักศึกษามีโอกาสเฮเลี้ยงฉลองการจบการศึกษาและรับปริญญากัน คนที่ยิ้มกันแก้มปริก็คือผู้ปกครองที่ชื่นชมนิสิตนักศึกษาบุตรหลานของตนเรียนจบ คนที่รับทรัพย์กันกระเป๋าตุงก็คือร้านอาหารต่าง ๆ ที่เป็นที่เลี้ยงฉลองของนิสิตนักศึกษาเหล่านั้น
แต่ถ้าเราลองดูข้อเท็จจริงว่า นิสิตนักศึกษาจะไปประกอบอาชีพอะไรหลังการเรียนจบ จะเห็นตัวเลขที่น่าสนใจของ “สรุปผลการสำรวจภาวการณ์ทำงานของประชากร เดือนมีนาคม 2562 (ISBN 1685-7437)” ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ นั่นคือประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปมีจำนวน 56.489 ล้านคน ประชากรไทยผู้มีงานทำมีจำนวน 38.498 ล้านคน
ในขณะที่ผู้มีงานทำที่สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา 7.977 ล้านคน นั่นคือผู้มีงานทำอีก 30 ล้านคนเศษ หรือคนไทยเกือบร้อยละ 75 ของผู้ที่มีงานทำไม่ได้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษา ถ้าตัวเลขนี้ถูกต้อง สถิตินี้พยายามบอกว่าการจ้างงานของประเทศไทยไม่ได้สนใจผู้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาของไทยเลยใช่ไหม ? ถ้าเช่นนั้น มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในการจ้างแรงงาน หรือเกิดข้อผิดพลาดในการศึกษาระดับอุดมศึกษาของเรา ?
เมื่อเราดูต่อไปจะพบว่าในเดือนมีนาคม 2562 มีคนไทยว่างงานจำนวน 346,000 คน (ไม่นับแรงงานที่รอฤดูกาลอีก 380,700 คน) และในจำนวนนี้ผู้ว่างงานเป็นผู้ที่สำเร็จอุดมศึกษาถึง 129,600 คน (ลดลงจากปี 2561 ซึ่งมีจำนวน 170,900 คน) ซึ่งเท่ากับร้อยละ 15 โดยประมาณของจำนวนผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาของปี 2561 (สำเร็จปริญญาตรี 447,454 คน, สำเร็จ ปวช. 246,426 คน, สำเร็จ ปวส. 161,924 คน) ผลเช่นนี้ ร้อยละ 15 ของผู้ปกครองของนิสิตนักศึกษาลงทุนในค่าเล่าเรียนและกินอยู่ของนิสิตนักศึกษาไปแบบขาดทุน เพราะลูกหลานสำเร็จการศึกษามาแล้วก็ยังหางานทำไม่ได้
ผมเคยได้ยินผู้ที่เคารพนับถือหลายท่านเล่าให้ฟังว่า ลูกหลานของท่านจบมาแล้วตอนนี้ยังรอเขาเรียกตัว เพราะต้องรอให้ทางการมีตำแหน่งว่างจึงจะเรียกตัว ผมเลยเปิดดูในสถิติเล่มนี้ทาง internet ก็พบตัวเลขที่น่าสนใจว่าในจำนวน 38 ล้านคนเศษที่มีงานทำนั้น เป็นลูกจ้างรัฐบาลเพียง 3,277,700 คน เป็นลูกจ้างเอกชน 15,940,200 คน ทำงานส่วนตัว 12,101,900 คน ที่เหลือเป็นงานอื่น ๆ
ตัวเลขนี้แสดงว่าราชการเป็นนายจ้างที่จ้างแรงงานเพียงไม่ถึงร้อยละ 10 ของผู้มีงานทำ นั่นคือมีงานจ้างประจำโดยราชการน้อยมาก เมื่อเทียบกับการจ้างงานจากภาคเอกชน (เกือบร้อยละ 50 ของการจ้างงาน) และงานส่วนตัว (เกือบ 1 ใน 3 ของงานที่มีอยู่)
เป้าหมายที่สำคัญของประเทศในขณะนี้น่าจะเป็นเรื่องการปฏิวัติการศึกษา เพื่อเพิ่มงานให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษามากขึ้น โดยให้นิสิตนักศึกษาสามารถเรียนในสิ่งที่ตลาดงานต้องการ นั่นคือให้สถาบันอุดมศึกษาผลิตนักศึกษาป้อนตลาดโดยให้เรียนวิชาที่ตลาดงานต้องการ และสำหรับนิสิตนักศึกษาที่จะทำงานส่วนตัว ก็ต้องเตรียมให้เขามีความรู้ความเข้าใจพร้อมที่จะออกไปทำมาหากินได้
วิธีการก็ไม่ยากเกินไปนัก เพราะสถาบันแต่ละแห่งสามารถสอบถามหารือกับกลุ่มนายจ้างในแต่ละประเภทได้ว่าต้องการบัณฑิตประเภทใด แล้วมุ่งหาทางฝึกอบรมให้นิสิตนักศึกษาของตนสามารถเข้าไปทำงานให้กับตลาดแรงงานเหล่านั้นได้ เป็นต้นว่า คณะนิติศาสตร์แทนที่จะฝึกอบรมนิสิตนักศึกษาให้ไปสอบเข้าผู้พิพากษา อัยการ หรือนิติกรของราชการอย่างเดียว ก็ควรที่จะฝึกอบรมให้พร้อมที่จะว่าความในศาลต่าง ๆ ได้ ให้พร้อมที่จะยกร่างสัญญา เจรจาสัญญาต่าง ๆ ได้ ให้สามารถเป็นเลขานุการบริษัทได้ เป็นต้น โดยต้องให้คณาจารย์ติดต่อหารือกับตลาดงานได้โดยตรง เพื่อปรับปรุงหลักสูตรและวิธีการสอนร่วมไปกับตลาดงานเรื่อยไป เพราะวิชาการพัฒนาไปตลอดเวลา
ภาครัฐต้องพิจารณาด้วยว่าต้องการจะให้ประเทศไทยไปในทางใดแน่ ในขณะนี้แรงงานส่วนใหญ่ของคนไทยยังอยู่ในภาคเกษตร ก็ควรตรวจสอบว่ารายได้ประชากรจากเกษตรกรรมนี้คุ้มไหมที่จะให้ประชาชนไทยส่วนใหญ่มุ่งไปในทางนี้ ถ้าคุ้มก็ต้องส่งเสริมโดยแก้ไขกฎหมายให้มีที่ดินการเกษตรมากขึ้น และเสริมสร้างระบบชลประทานสนับสนุน ถ้าไม่คุ้มค่าก็ควรวางแผนระยะยาวเพื่อจูงใจให้แรงงานเหล่านี้หันไปทำอย่างอื่นที่คุ้มค่ามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม การค้าบริการ หรืออื่น ๆ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทรวงที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ควรที่จะร่วมมือกันในระดับนโยบายครับ

ที่มา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sentangsedtee.com/career-channel/article_112345

>เกษตรทฤษฎีใหม่+ตำราอิสราเอล พื้นที่ 1 ไร่ สามารถสร้างรายได้ถึง 6 แสน


เกษตรทฤษฎีใหม่+ตำราอิสราเอล พื้นที่ 1 ไร่ สามารถสร้างรายได้ถึง 6 แสน



เกษตรกรรุ่นใหม่ กับการตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำเกษตรทำไมจะรวยไม่ได้ นี่เป็นคำกล่าวของ พงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์ เรียนจบจาก ม.แม่โจ้ คะณะเกษตร โดยตั้งแต่จบมาก็ไม่ทำงานที่ไหนเลย จนเพื่อนมองว่า เขา บ้ า แต่เขาเลือกที่จะเป็นเกษตรกร อีกทั้งพืนที่นาที่เขาทำนั้น เป็นพื้นที่ แ ห้ ง แ ล้ ง แต่เขาก็มีความเชื่อว่า เป็นไปได้ และต้องสำเร็จ



เพราะว่าเขานั้น มีประสบการณ์ จากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน กับ ปะเทศอิสราเอล และยังนำแนวความคิดของการทำเกษตรแบบผสมผสาน ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ โดยใช้ใช้พื้นที่ 7 ไร่ ในการปลูกพืชผัก

โดย เขากล่าวว่า ส่วนใหญ่ในพื้นที่บริเวณนี้มักจะเป็นพื้นที่ แ ห้ ง แ ล้ ง ปลูกอะไรไม่ค่อยได้ผล เขาจึงได้นำเทคโนโลยี จากการที่ได้ไปเรียนที่อิสราเอล มาปรับใช้ในพื้นที่ตัวเอง จนทำให้ดินบริเวณนั้น สามารถปลูกพืชได้อย่างปกติ



โดยเริ่มจาก บำรุงดิน นำแกลบดิบ ปุย ห มั ก ปุย ค อ ก อย่างละ 1 ส่วน ผสมกับดิน 2 ส่วน ราดด้วยน้ำ ห มั ก ครึ่งลิตร ทำให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 1 เดือน

เมื่อดินเริ่มดีขึ้น ก็ทำระบบน้ำ โดยแนวคิดที่ว่า ปลูกพืชด้วยการใช้น้ำน้อย จนได้ออกแบบระบบน้ำขึ้นมา 3 ระบบ นั่นคือ

1.ระบบน้ำหยดให้ปุยพร้อมกับน้ำ

2.ระบบน้ำพุ่ง

3.ระบบให้น้ำแบบไอหมอก



เมื่อได้ระบบน้ำ ก็เริ่มเลี้ยง สั ต ว์ เกือบทุกชนิด ตามแนวทาง เกษตรทฤษฎีใหม่ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 หลังจากที่เขาลองผิดลอง ก็ได้สูตรสำเร็จ คือ การปลูกพืชผักสวนครัว ที่เก็บผลผลิตได้ทั้งปี และสามารถส่งขายได้ทุกวัน

พบว่ามีข้อดี คือ มีรายรับ และรายจ่าย หมุนเวียนตลอดทั้งปี

แต่เนื่องจาก เขาเป็นคนที่พัฒนา และต่อยอด ไอเดีย ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีองค์ความรู้จากแหล่งต่างๆ มีประสบการ์ที่มากขึ้น และยังปฏิบัติตามแนวทาง เกษตรทฤษฎีใหม่ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงทำให้ พงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์ กลายเป็นเจ้าของพืชผัก อินทรีย์ถึง 3 แบรนด์ ส่งขายตาม ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ



ซึ่ง พงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การปลูกพืชผักในพื้นที่ 1 ไร่ สามารถสร้างรายได้ ได้จริง โดยเขายังบอกอีกว่า ได้เงินปีละกว่า 600,000 บาท

โดยมีแนวคิดว่า คิดเป็น ทำเป็น ทำจริง

เรียบเรียง me-panya

ข้อมูลจาก thairath.
ที่มา อ่านเพิ่มเคิมได้ที่ https://me-panya.com/?p=5047&fbclid=IwAR16IrPYThmuzUCZ1Iqd6g8I1F1AVjXx_9T7sFQq7p_KPnVAK-8WPPXyFIs

>ต้นไม้มหัศจรรย์!! หรือต้นเบาบับ (Baobab)และประโยชน์ของต้นมหาสมบัติ


ต้นไม้มหัศจรรย์!! หรือต้นเบาบับ (Baobab)และประโยชน์ของต้นมหาสมบัติ

ต้นเบาบับ ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุดในความโดดเด่นของมัน ที่ไม่เฉพาะแต่เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก และเป็นไม้เนื้ออ่อนที่โตเร็วมากเท่านั้น แต่ทุกส่วนของเบาบับสามารถนำเอามาใช้ประโยชน์เป็นยาป้องกันและรักษาโรคในมนุษย์ได้
ที่สำคัญที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกก็ คือ ทางตลาดร่วมยุโรป (อียู) และ อเมริกาได้อนุญาตให้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากเบาบับเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่ม อาหารเสริมได้

ประโยชน์ของต้นเบาบับ (Baobab)

  • เปลือก และ กิ่งก้านขนาดใหญ่มีคุณสมบัติกันไฟ และยังสามารถนำเอาเส้นใยมาทอเป็นเชือก
  • ใบใช้ปรุงรสอาหารและเป็นยารักษาโรค สามารถทานได้ทั้งสด และนำไปต้ม มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณ
  • ต้นเบาบับที่มีขนาดใหญ่ ลำต้นมักจะกลวง ทำให้สัตว์และมนุษย์ สามารถใช้เป็นที่พักพิงกันแดดกันฝนได้ นับได้ว่าเป็นต้นไม้อีกชนิดนึงที่ให้ประโยชน์แก่คนและสัตว์อย่างมากมาย
เบาบับ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในหมู่เกาะ มาดากัสก้าร์ ของทวิปแอฟริกา สามารถมีอายุได้ถึง 6000 ปีกันเลยทีเดียว รูปร่างของนางจะสวนกระแสในปัจจุบัน เพราะนางมีลำตัวที่ใหญ่โตมโหฬาร ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำเอาไว้ได้อย่างมหาศาล
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของนางที่กำลังได้รับความสนใจ คือ ทุกส่วนของนางสามารถนำเอามาใช้ประโยชน์เป็นยาป้องกันและรักษาโรคในมนุษย์ได้ จึงได้ชื่อว่าเป็นต้นไม้แห่งชีวิต (Tree of Life ) สารสกัดที่ได้จากนางนั้นเรียกว่า Baobab power complex
ซึ่งมีวิตามินมากกว่าส้มถึง 6 เท่า และมีสาร Antioxidants (สารป้องกันโรคมะเร็ง) โปรตัสเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โซเดียม แมงกานิส เหมือนกับทับทิม และ แครนเบอร์รี่ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเก็บกักน้ำได้ดีอีกด้วย จึงมีผลิตภัณฑ์ และ อาหารเสริมจำนวนไม่น้อยที่ใช้ นางเป็นส่วนประกอบและเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน

นอกจากนี้ น้ำมันที่สกัดมาจากลำต้นของนาง ยังมี…..

วิตามิน A ที่ช่วยช่วยสร้างเนื้อเยื่อชั้นนอกของอวัยวะต่าง ๆ ให้มีสุขภาพดีขึ้น ส่งเสริมการเจริญเติบโตของผิวพรรณและเส้นผมวิตามินD ช่วยในการดูดซึมของวิตามินเอ และลดการหลุดร่วงของเส้นผม วิตามินE เสริมการไหลเวียนของโลหิตบริเวณหนังศรีษะ กระตุ้นการทำงานของรากผม ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดปัญหาผมร่วง ผมบาง หัวเถิก หัวล้านได้อย่างชัดเจนวิตามิน F วิตามินชนิดนี้ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ ช่วยเร่งให้เกิดผิวใหม่มาทดแทนผิวเก่าแก้ปัญหาผมแห้งแตกปลายนับได้ว่านางเป็นต้นไม้อีกชนิดหนึ่งที่ให้ประโยชน์แก่คนและสัตว์อย่างมากมาย สมแล้วที่ได้รับการขนานนามว่า “ต้นไม้แห่งชีวิต” กันเลยทีเดียว

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีเบาบับเป็นส่วนผสม

  • สบู่น้ำว่าน (น้ำมันเบาบับ)
ประกอบด้วยน้ำมันเบบบับ,ผงเปลือกไม้ทานาคา ,สารสกัดจากขมิ้น ,ว่านหางจระเข้ ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดด มีสารต้านอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุของริ้วรอย และความหมองคล้ำ ช่วยให้หน้าขาวใสเนียนนุ่ม ป้องกันไม่ให้ผิวเเห้งเเละสามารถรักษาสิวเเผ่นหลังได้ เมื่อใช้อย่างเป็นประจำและต่อเนื่อง ผิวจึงดูกระจ่างใสเนียนอย่างเป็นธรรมชาติเน้นในการทำความสะอาดผิวกาย
คุณประโยชน์
  • ช่วยในการบำรุงผิวหน้าให้แลดูขาวกระจ่างใส พร้อมดีท็อก และเติมออกซิเจนให้ผิวกาย
  • ลดสิว กระ จุดด่างดำ ทั่วเรือนร่าง พร้อมช่วยผลัดผิวเก่า และเผยผิวใหม่
  • อ่อนโยน เนียน นุ่ม ชุ่มชื่น กลิ่นหอมอ่อนละมุน
  • ปราศจากผงฟอง สารเคมี หรือ สารฟอกขาว ที่เป็นอันตรายต่อผิวคุณ
  • เด็กและสตรีมีครรภ์ สามารถใช้ได้
  • Milbon Deesse’s Eljuda FO Fluent Oil
“Elujuda Oil ออยล์จัดแต่งทรงผมที่มีส่วนผสมของน้ำมันเบาบับ ช่วยปรับสภาพเส้นผมที่ชี้ฟูและจัดทรงยากให้กลับมามีสุขภาพดี
พร้อมกับมอบความนุ่มลื่น คืนความยืดหยุ่น ให้ผมพลิ้วสลวย จัดทรงง่ายได้ดั่งใจ โดยไม่เหนียวเหนอะหนะ เพราะออยล์จะซึมซาบลึกเข้าสู่แกนผมอย่างรวดเร็ว นำความมั่นใจกลับมาให้สาวๆ ได้เฉิดฉายอีกครั้ง
  • Etude House Pure Water Baobab Cleansing Foam
โฟมทำความสะอาดผิวหน้า สูตรอ่อนโยน ให้ความรู้สึกสดชื่น ด้วยส่วนผสม 22% ของสารสกัดจากพืช และ มีส่วนผสมของ Baobab water 8.9% ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นไม่แห้ง แต่ทำความสะอาดได้ล้ำลึกหมดจด เนื้อโฟมฟองนุ่มเนียนละเอียด ช่วยซอกซอนทำความสะอาดรูขุมขนได้ดี




ขอบคุณข้อมูลจาก : winnews
ที่มา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cheezebite.com/%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A/